
อิริค เลียน Group Head of Commercial Banking, UOB Group กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของอาเซียนที่มีมูลค่าการค้าภายในอาเซียนมากถึง 6.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23.2 ล้านล้านบาท อีกทั้งมีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน ซึ่งเป็นกำลังแรงงานที่ค่าแรงยังไม่สูงนัก และมีธุรกิจกว่า 90% ในอาเซียนเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ประกอบกับด้วยประสบการณ์ของ ธนาคารยูโอบี ซึ่งก็เป็นธุรกิจครอบครัว ที่ปัจจุบันบริหารด้วยผู้บริหารรุ่นที่ 3 จึงมีทั้งความเป็นมืออาชีพและความเข้าอกเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่รับช่วงธุรกิจต่อจากรุ่นก่อนหน้า
อีกทั้งด้วยเครือข่ายสาขาของ ธนาคารยูโอบี กว่า 500 แห่งทั่วโลก จึงพร้อมสำหรับเป็นจุดเชื่อมต่อการดำเนินธุรกิจของลูกค้า
ดังนั้น เมื่อปี 2562 จึงได้เปิดโครงการ Business Circle ครั้งแรกที่สิงคโปร์ ด้วยเป้าหมายหลักคือการช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้า ผ่านการเชื่อมโยง (Connectivity) การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digitalisation) และความยั่งยืน (Sustainbitity) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกที่เป็นนักธุรกิจ และทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ 1,000 ราย ในทุกประเทศที่ธนาคารยูโอบีดำเนินธุรกิจอยู่ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม
โรสลินด์ ลี Head of Enterprise Banking, UOB Group กล่าวว่า สมาชิก 1,000 คน ที่เข้าร่วมโครงการ Business Circle มีอายุเฉลี่ย 30-40 ปี และเท่าที่มีข้อมูลคือส่วนใหญ่ของทายาทธุรกิจมักจะเข้ามารับช่วงต่อ หรือดำเนินธุรกิจตั้งแต่อายุ 25 ปี
“ความสนใจหลักของผู้ประกอบการรุ่นที่ 3 คือการแสดงให้พ่อแม่ของพวกเขามั่นใจว่า พวกเขาเก่งและพาธุรกิจให้อยู่รอด และเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการทีมบริหารที่เป็นคนเก่าคนแก่ขององค์กร หรือการพัฒนาปรับเปลี่ยนงานต่างๆ” โรสลินด์ ลี กล่าว
ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นหนทางทำให้ผู้ประกอบการ หรือทายาทธุรกิจ ได้มีเครื่องมือและแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ เพื่อการสร้างรายได้ การเพิ่มผลกำไร และการสร้างชื่อเสียงของธุรกิจในระดับนานาประเทศ
อีกทั้งจากการสำรวจของยูโอบี พบว่า ธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ก่อให้เกิดการพัฒนาสังคม การจ้างงาน และ 57% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นธุรกิจครอบครัว และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 43%
นอกจากนี้ ธุรกิจไทยยังมีความสนใจขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพื่อต่อยอดการเติบโต โดยในรายงาน UOB Business Outlook Study 2023 (SME and Large Enterprise) พบว่า 9 ใน 10 ของธุรกิจให้ความสนใจมองหาโอกาสขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยมีแรงจูงใจจากการเพิ่มรายได้ การแสวงหากำไร และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร
แล้วยังพบว่า จุดหมายหลักของธุรกิจไทยที่ต้องการขยายตลาดไปมากที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย และจีน พร้อมกับพบว่า กว่า 1 ใน 3 สนใจขยายธุรกิจไปนอกอาเซียนด้วย
อัมพร ทรัพย์จินดาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่พาณิชย์กิจ ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า สำหรับโครงการ Business Circle ในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2562 อย่างไม่เป็นทางการ แต่ในปีนี้ 2566 จะเป็นครั้งแรกที่ดำเนินโครงการนี้อย่างเป็นทางการ และเป็นการดำเนินการเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นการสร้างเครือข่ายทายาทธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการนี้ของ ยูโอบี ประเทศไทย ในปี 2566 ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ราย และมีเป้าหมายภายในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ราย และคาดว่าจะเพิ่มรายได้ของธนาคารจากโครงการ Business Circle ให้เติบโต 15% มีการเติบโตของ GSU หรือ หน่วยสาขาธุรกิจระดับโลก พร้อมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากโครงการนี้ถึง 30%
โดยการสร้างระบบสร้างแพลตฟอร์มให้ทายาทธุรกิจได้มาเจอกัน และเท่าที่สังเกตพบว่าหลายธุรกิจเกิดขึ้นทั้งจากการต่อยอดธุรกิจจากรุ่นพ่อแม่ และการสร้างธุรกิจสร้างเครือข่ายของพวกเขากันเองด้วย
“การเป็นสมาชิกของทายาทธุรกิจในโครงการ Business Circle จะเป็นโดยการเชิญจากธนาคาร เป็นลูกค้าเดิมของธนาคารอยู่แล้ว หรือเป็นทายาทธุรกิจที่เป็นลูกค้าของธนาคารที่มีธุรกรรมกันมาไม่น้อยกว่า 5 ปี มียอดขาย 240-7,500 ล้านบาท ส่วนลูกค้าใหม่ที่สนใจ สามารถติดต่อและมาใช้บริการเงินฝาก หรือสินเชื่อ กับธนาคารก่อนได้” คุณอัมพร กล่าว.
ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่
ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics
เศรษฐกิจในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ