
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับประมาณการค่าเงินบาทสิ้นปีนี้เป็น 32.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิม 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเกิดจากบริษัทข้ามชาติที่ลงทุนในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น จึงสั่งให้บริษัทลูกในไทยจ่ายเงินปันผล พร้อมนำส่งเงินกลับไปช่วยบริษัทแม่ในต่างประเทศ ประกอบกับประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวลดลง โดยประเมินว่าตลอดทั้งปีจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า
“ค่าเงินบาทจากนี้จนถึงสิ้นปีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และสิ้นปีจะอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุที่ช่วงนี้เงินบาทผันผวนแข็งค่าขึ้น เกิดจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท ทำการปิดสถานะการเก็งกำไร และหันไปเก็งกำไรค่าเงินสกุลอื่น ทำให้ค่าเงินแข็งค่าหลุด 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ”
สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินประเมินว่ามีโอกาสสูงถึง 40% ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากการประชุม กนง.ในรอบล่าสุด มีกรรมการ กนง.ถึง 2 คน ลงมติให้ลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.50% เหลือ 0.25%.