นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.พ.64 อยู่ที่ 98.88 ลดลง 0.91% เทียบกับเดือน ม.ค.64 และลดลง 1.17% เทียบกับเดือน ก.พ.63 ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดเมื่อเดือน มี.ค.63 ขณะที่เงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือนปี 64 (ม.ค.-ก.พ.) ติดลบ 0.75% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออกจากการคำนวณเดือน ก.พ.64 อยู่ที่ 100.39 เทียบกับเดือน ม.ค.64 ลดลง 0.08% แต่เทียบกับเดือน ก.พ.63 เพิ่มขึ้น 0.04% และเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 2 เดือน เพิ่มขึ้น 0.12%
อย่างไรก็ตาม การหดตัวของเงินเฟ้อเดือน ก.พ.64 ไม่น่ากังวล เพราะลดลงจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.64) และยังได้ผลดีจากสินค้าอาหารสด เช่น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ผักสดที่ลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่วนสินค้าและบริการในหมวดอื่นๆ ส่วนใหญ่ทรงตัว ยกเว้นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก คาดว่า ตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป เงินเฟ้อจะค่อยๆปรับขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกำลังซื้อประชาชน
“ในปี 64 สนค.ยังคงประเมินว่าเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้น 0.7-1.7% มีค่ากลางอยู่ที่ 1.2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ 3.5-4.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 40-50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และค่าเงินบาท 30-32 บาทต่อเหรียญฯ ซึ่งเป็นอัตราที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสม และต่อเนื่อง”.