ครม.อนุมัตินำเงินกู้ 37,100 ล้านบาท แจกมนุษย์เงินเดือนที่เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 คนละ 4,000 บาท เริ่มลงทะเบียนผ่าน www.ม33เรารักกัน.com ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.–7 มี.ค.นี้ รับเงินครั้งแรกผ่านแอปเป๋าตังสัปดาห์ละ 1,000 บาท วันที่ 22 มี.ค.
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบใช้เงินกู้ 37,100 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยรัฐบาลจะจ่ายเยียวยา รายละ 4,000 บาท คาดมีผู้ได้รับสิทธิ์ 9.27 ล้านคน ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ ประกอบด้วย เป็นผู้มีสัญชาติไทย เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่ได้รับสิทธิ์โครงการเราชนะ และไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่มีคุณสมบัติ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ได้ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.ค.นี้ จากนั้นในวันที่ 8-14 มี.ค. ธนาคารจะทำการตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งประมวลผลคัดกรอง และวันที่ 15-21 มี.ค. ให้กดใช้งานและกดยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยรัฐบาลจะโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 บาท รวม 4 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 22 มี.ค.และวันที่ 29 มี.ค., วันที่ 5 เม.ย.และวันที่ 12 เม.ย. โดยสามารถเริ่มใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าในโครงการเราชนะได้ ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.จนถึงวันที่ 31 พ.ค. สำหรับกรณีที่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่สามารถลงทะเบียนโครงการ “ม.33 เรารักกัน” ในรอบแรกได้ จะมีการเปิดให้ยื่นขอทบทวนสิทธ์ิอีกครั้งผ่านทาง www.ม33เรารักกัน.com ได้ตั้งแต่ 15-28 มี.ค. และกดใช้งานและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในวันที่ 5-11 เม.ย. ซึ่งรัฐบาลจะโอนเงินเข้าแอปเป๋าตัง ในวันที่ 5 เม.ย.และวันที่ 12 เม.ย.จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 2,000 บาท พร้อมให้ผู้ประกันตนเริ่มใช้จ่ายซื้อสินค้าภายใต้โครงการ “เราชนะ” ได้ในวันที่ 5 เม.ย.-31 พ.ค.นี้
“ครม.ยังได้เห็นชอบให้ผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานรัฐโดยตรง กลุ่มลูกจ้างตามสัญญาจ้างเหมาบริการ ลูกจ้างรายวันของส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ และอาสาสมัครต่างๆ ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ให้เข้าร่วมโครงการเราชนะได้ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนมาแล้วแต่รอการคัดกรอง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเปิดให้อุทธรณ์ได้”
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้เห็นชอบทบทวนมติ ครม.วันที่ 24 มี.ค.2563 ที่ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จัดวงเงินสินเชื่อ 40,000 ล้านบาท สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ โดยขยายระยะเวลาปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย จาก 6 เดือน เป็นรายกรณีไม่เกิน 12 เดือน ขยายระยะเวลากู้จากเดิมที่ให้กู้ไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน เป็น 3 ปี
นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ยังได้เห็นชอบโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว โดยผู้ประกอบการที่มีที่ดินว่างเปล่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน ให้นำมาใช้เป็นหลักประกันและไม่ต้องผ่านการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร โดยธนาคารออมสินจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ให้วงเงินสินเชื่อต่อรายย่อยไม่เกิน 70% ของราคาประเมินที่ดินของทางราชการ สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับบุคคลธรรมดา และสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล ระยะเวลากู้ 3 ปี ปีแรกอัตราดอกเบี้ย 0.10% ต่อปี
สามารถยื่นขอสินเชื่อจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ “วัตถุประสงค์ของโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว ช่วยเสริมสภาพคล่องกิจการท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อไถ่ถอนจากการขายฝากเอกชนที่ทำสัญญาขายฝาก ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาธุรกิจและการจ้างงานไว้ได้”.