ต้องผ่านบอร์ดสภาพัฒน์ อนุมัติเพิ่มเกณฑ์ลงทุนโครงการรัฐ 5 พันล้าน

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ต้องผ่านบอร์ดสภาพัฒน์ อนุมัติเพิ่มเกณฑ์ลงทุนโครงการรัฐ 5 พันล้าน

Date Time: 28 ม.ค. 2564 08:32 น.

Summary

ครม.ไฟเขียวกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขนาด 5,000 ล้านบาทขึ้นไปของส่วนราชการ ที่ไม่ได้ใช้แหล่งเงินงบประมาณ แต่ใช้เงินแหล่งอื่นๆจากเงินกู้ แหล่งเงินได้ของหน่วยงานต้องขอความเห็นจากบอร์ด สศช.ก่อน

Latest

เศรษฐกิจไม่ดี/บริษัทไทยลดการจ้าง? เมื่อคนอายุ 30, 40 ปีขึ้นไปอาจหางานยากขึ้น วางแผนเรื่องเงินยังไง

ครม.ไฟเขียวกำหนดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขนาด 5,000 ล้านบาทขึ้นไปของส่วนราชการ ที่ไม่ได้ใช้แหล่งเงินงบประมาณ แต่ใช้เงินแหล่งอื่นๆจากเงินกู้ แหล่งเงินได้ของหน่วยงานต้องขอความเห็นจากบอร์ด สศช.ก่อน จากเดิมบอร์ด สศช.พิจารณาเฉพาะโครงการลงทุนรัฐวิสาหกิจที่เกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ต่อจากนี้ไป บรรดาโครงการลงทุนแผนงาน/โครงการพัฒนาของส่วนราชการ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 5,000 ล้านบาท ที่ไม่ได้ใช้แหล่งเงินจาก เงินงบประมาณ แต่เป็นการลงทุนจะใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นๆ เช่น เงินกู้ การให้เอกชนร่วมลงทุน และแหล่งเงินอื่นๆ หน่วยงานนั้นต้องจัดทำข้อเสนอแผนงาน/โครงการที่มีรายละเอียดครบถ้วนเสนอให้คณะกรรมการสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดสภาพัฒน์) พิจารณาเสนอความเห็น ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการลงทุนต่างๆที่ สศช.นำเข้าสู่การพิจารณาของ บอร์ด สศช.เพื่อวิเคราะห์โครงการในด้านต่างๆอยู่แล้วคือการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ส่วนโครงการลงทุนของหน่วยงานราชการที่ใช้งบประมาณ สศช.ก็มีหน้าที่ในการให้ความเห็นในฐานะหน่วยงานราชการหนึ่งที่ต้องเสนอ ความเห็นประกอบการเสนอเรื่องเข้าพิจารณาของ ครม.อยู่แล้ว แต่โครงการลงทุนของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้แหล่งเงินจากเงินงบประมาณแผ่นดิน แต่ใช้เงินจากแหล่งเงินอื่นๆ ไม่มีข้อกำหนดมาก่อนว่าต้องเอาเข้าบอร์ด สศช. เช่น โครงการลงทุน ที่ใช้เงินกู้ การให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) และแหล่งเงินอื่นๆที่เป็นโครงการที่ใช้แหล่งเงินที่ เป็นรายได้ของหน่วยงาน อาทิ เงินจากกองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ของกรมทางหลวง หรือโครงการของสำนักงานเขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีแหล่งเงินอื่นๆมารองรับ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเสนอโครงการลงทุนใน ลักษณะนี้ สศช.เห็นว่าแนวนโยบายของรัฐได้มีการสนับสนุนให้ส่วนราชการพิจารณามีแนวทางเลือกของแหล่ง เงินที่ใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ใช่เงินงบประมาณแผ่นดิน เพิ่มขึ้นเพื่อลดภาระงบประมาณ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้กำหนดให้มีหน่วยงานใดทำหน้าที่ในการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการ ดังนั้น เพื่อให้การเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาแผนงานและโครงการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครม.จึงมีมติดังกล่าวตามข้อเสนอของ สศช.

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สศช.มีแนวปฏิบัติในการพิจารณาแผนงานและโครงการพัฒนาของกระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรม และของรัฐวิสาหกิจสรุปได้คือ 1.การลงทุนแผนงานและโครงการพัฒนาของส่วน ราชการที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลไกการพิจารณาแผนงานและโครงการ พัฒนาของส่วนราชการที่ใช้เงินงบประมาณมี สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ดังนั้น ในกรณีที่เป็นการใช้จ่ายจากแหล่งเงินงบประมาณแผ่นดิน จึงเห็นควรให้ สศช. ทำหน้าที่ในการพิจารณา เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.โดยไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์เสนอเรื่องให้บอร์ด สศช.พิจารณา (ยกเว้นในกรณีที่ ครม.มีมติ มอบหมายให้บอร์ด สศช.พิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.เป็นกรณีพิเศษ)

2.การลงทุนแผนงานและโครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ สศช. จะจัดทำรายงานการวิเคราะห์โครงการซึ่งกรณีที่เป็นการลงทุนที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป สศช.จะนำความเห็นของบอร์ด สศช. ประกอบการพิจารณาของ ครม.และในกรณีที่เป็นการลงทุนที่มีวงเงินต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สศช.จะแจ้งให้กระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ