
หอการค้าไทยชี้โควิด-19 ทำคนไทยมีหนี้ครัวเรือนปีที่ผ่านมา อยู่ที่ครัวเรือนละ 4.8 แสนบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2562 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังคนตกงาน รายได้หด ค่าครองชีพพุ่ง หันก่อหนี้เพิ่มทั้งรูดบัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล และยังเคยผิดนัดชำระหนี้อีก คาดปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นครัวเรือนละ 5 แสนบาท ทุบสถิติสูงสุด
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2563 ที่สำรวจจากประชาชนตัวอย่างทั่วประเทศ 1,229 ราย ระหว่างวันที่ 18-27 ธ.ค. ว่า ผู้ตอบมากถึง 90.7% บอกว่ามีหนี้สิน มีเพียง 9.3% ที่บอกไม่มีหนี้ โดยหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนสูงถึงครัวเรือนละ 483,950 บาท เพิ่มขึ้น 42.3% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบจากปี 2562 ที่มีมูลหนี้ 340,053 บาท เพราะค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งประชาชนขาดรายได้จากการให้ออกจากงาน และมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซื้อสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น ผ่อนสินค้ามากเกินไป ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น โดยจำนวนหนี้ มีภาระผ่อนชำระเฉลี่ยเดือนละ 11,799 บาท
“เราเป็นห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยหนี้ครัวเรือนที่มีอยู่ครัวเรือนละ 483,950 บาท ถือว่าสูงสุดในรอบ 12 ปี หรือสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวสูงถึง 42% ปีอื่นๆไม่เคยสูงแบบนี้มาก่อน และปีนี้ หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มทะลุครัวเรือนละ 500,000 บาท ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง มาจากผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั้งภาคครัวเรือน และธุรกิจ แม้จะห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่ยังเชื่อว่าสามารถคุมได้ เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้ในระบบ โดยปีที่ผ่านมาหนี้ครัวเรือนทั้งหมดเป็นหนี้ในระบบ 75.3% นอกระบบ 24.7% เทียบจากปี 2562 ที่มีหนี้ในระบบ 59.2% นอกระบบ 40.8%”
ทั้งนี้ 1 ปีที่ผ่านมา ผู้ตอบมากถึง 56.5% บอกว่าเคยขาดผ่อนชำระหนี้ เพราะปัญหาเศรษฐ กิจไม่ดีมากที่สุด ค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับรายได้ และโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง และ ในจำนวนหนี้ครัวเรือนดังกล่าว ผู้ตอบ 70% เป็นการก่อหนี้ใหม่ เป็นผลมาจากโควิด-19 และคาดว่า ในรอบ 1 ปีนี้ ผู้ตอบมากถึง 54.8% บอกต้องการกู้เพิ่ม เพื่อนำไปใช้จ่ายทั่วไป ลงทุนประกอบธุรกิจ ซื้อบ้าน ชำระหนี้เก่า
“เมื่อถามถึงประเภทหนี้ ผู้ตอบ 40.3% บอกเป็นหนี้บัตรเครดิต, 34.7% หนี้ส่วนบุคคล (อุปโภคบริโภค), 34.6% หนี้ยานพาหนะ, 30.7% หนี้ประกอบธุรกิจ, 28.9% หนี้ที่อยู่อาศัย และ 12.5% หนี้การศึกษา ซึ่งต่างจากปี 62 ที่ผู้ตอบส่วนใหญ่ 38.4% บอกเป็นหนี้ส่วนบุคคล (อุปโภคบริโภค) รองลงมา 32.9% เป็นหนี้ยานพาหนะ ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ 53.2% ระบุว่ามีความสามารถปานกลาง อีก 36.2% มีความสามารถน้อย มีเพียง 10.6% สามารถชำระได้มาก”
สิ่งที่รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน คือวางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่เอกชน เสนอแนะ, เร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และหากมีความจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลต้องเยียวยาผู้มีอาชีพอิสระ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ และก่อหนี้ครัวเรือนสูง ปรับโครงสร้างหนี้ พักหนี้ ฯลฯ
“ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ธ.ค.พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 31.8
ลดลงจาก 33.7 ในเดือน พ.ย. ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องยกเลิกการจัดงานปีใหม่, ความไม่แน่นอนเรื่องมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวและใช้บริการร้านอาหาร และโรงแรม ได้ตามปกติ”.