แนะภาคธุรกิจรับมือ Perfect Storm ต้องปรับตัวเร็ว ยืดหยุ่น กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

แนะภาคธุรกิจรับมือ Perfect Storm ต้องปรับตัวเร็ว ยืดหยุ่น กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ

Date Time: 9 พ.ย. 2563 13:00 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ประธานสมาคมธนาคารไทย แนะภาคธุรกิจเตรียมรับมือ Perfect Storm ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ชี้ต้องปรับตัวเร็ว ยืดหยุ่น กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ

ประธานสมาคมธนาคารไทย แนะภาคธุรกิจเตรียมรับมือ Perfect Storm ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ชี้ต้องปรับตัวเร็ว ยืดหยุ่น กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ

ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB กล่าวถึงมุมมองทิศทางเศรษฐกิจในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าว่า นอกจากผลกระทบของโควิด-19 และการปรับตัวให้อยู่รอดในยุค Disruption แล้ว เศรษฐกิจยังอยู่ภายใต้ พายุใหญ่แห่งยุค หรือ Perfect Storm ที่มีความรุนแรงและความไม่แน่นอน

ทั้งนี้ Perfect Storm เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะเจอกับความท้าทายมากกว่าหลายๆ ประเทศ เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย อาทิ พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการเข้าสู่สังคมสูงอายุ

โดยพายุใหญ่แต่ละครั้งจะทิ้งมรดกแห่งการเปลี่ยนแปลงไว้ ในคราวนี้มองว่ามี 3 ประเด็นสำคัญ ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ หรือ New Paradigm ที่เกิดขึ้น

ประเด็นแรก คือ การฟื้นตัวจะเป็นแบบ K-Shaped Recovery จะไม่ได้เป็นการกลับไปอยู่ที่จุดเดิม หรือ status quo โดย K-Shaped Recovery หมายถึง ทิศทางการฟื้นตัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มแรกที่สามารถกลับสู่จุดเดิมได้เร็ว และกลุ่มที่สองที่กลับมาได้ช้าหรือกลับมาไม่ได้

โดยในระยะสั้นเห็นได้ชัดว่า หลายกิจกรรมยังโดนจำกัดโดยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ฟื้นตัวได้ยากและยังไม่รู้จุดสิ้นสุดของมาตรการ

นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเกิดเป็น New Normal ซึ่งธุรกิจที่เก็บเกี่ยวโอกาสได้ เช่น ธุรกิจ platform จะเติบโตได้ดี ขณะที่มีธุรกิจอีกจำนวนมากที่ปรับตัวไม่ทัน

ประเด็นที่สอง คือ แนวคิดทางนโยบายที่เปลี่ยนไปจากเดิม ธนาคารกลางและ Think Tank อย่าง IMF ออกมาบอกว่าสามารถใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยที่ความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและปัญหาหนี้สาธารณะตามมามีค่อนข้างน้อย และไม่ต้องรีบถอนนโยบายเหมือนในอดีต

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และยุโรปจึงมีแนวโน้มจะมีการใช้ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่เข้มข้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในเบื้องต้นแนวคิดใหม่นี้ อาจทำให้ตลาดการเงินคลายความกังวลในเรื่องหนี้สาธารณะ และลดโอกาสเกิดปัญหาหนี้ซ้อนปัญหาสาธารณสุขโดยไม่จำเป็น แต่ก็แลกมาด้วยการสั่งสมความเปราะบางในระยะยาวที่มากกว่าเดิม

ประเด็นที่สาม คือ การจัดใหม่ของระบบทุนนิยม โดยโลกเสี่ยงที่จะแบ่งขั้ว หรือ Deglobalize ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะยังดำเนินต่อไป ขณะที่ระบบทุนนิยมจะโดนเรียกร้องให้ปรับตัวในหลายมิติ อาทิ การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อระบบนิเวศมากขึ้น

รวมทั้งการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในเชิงสังคมและเศรษฐกิจ เพราะนี่เป็นจุดอ่อนที่สำคัญของระบบทุนนิยมเดิม โดยเฉพาะการที่ Digital Disruption มักทำให้เกิด Winner และ Loser ในลักษณะ Winner takes all และนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางสังคมที่ขยายกว้างขึ้น

ผยง ทิ้งท้ายว่า โลกข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น ยังไม่มีใครบอกได้ว่า New paradigm ทั้ง 3 จะนำไปสู่รูปแบบการทำธุรกิจอย่างไร มีสูตรสำเร็จหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจต้องเดินไปข้างหน้าอย่างยืดหยุ่น และต้องกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ

โดยยึดหลักที่ว่า การลองผิดลองถูกนั้นจะช่วยให้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มโอกาสในการหา The right solution ภายใต้ต้นทุนของการผิดพลาดที่ต่ำ เปรียบได้กับการใช้ Speed boat เพื่อความคล่องตัว และก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ ของการเปลี่ยนแปลง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ