สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก กระทบต่อการลงทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ไทยครึ่งแรกปี 63 สะท้อนจากการระดมทุนของภาคเอกชน
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและทั่วโลก กระทบต่อการลงทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ไทยครึ่งแรกปี 63 สะท้อนจากการระดมทุนของภาคเอกชน ที่ต้องชะลอการเสนอขายหุ้นกู้ออกไปก่อน ทำให้การออกหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาวครึ่งปีแรก มีมูลค่าลดลง 22% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง แต่หากเทียบกับการออกในช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 ปรับตัวลดลงถึง 43% เนื่องจากปีที่แล้วถือเป็นปีที่มียอดการออกสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ เชื่อว่าปีนี้ บริษัทเอกชนไทยยังต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาว เพื่อเตรียมสภาพคล่องรองรับสถานการณ์ที่อาจไม่แน่นอน โดยคาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่าการออกหุ้นกู้ระยะยาวที่ 800,000 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่ 850,000 ล้านบาท และเชื่อว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปี 63 โดยอาจใช้เครื่องมือนโยบายการเงินอื่นเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ทำให้มีผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจะขยับต่ำลงทั้งเส้น แต่อยู่ในกรอบจำกัด โดยอาจมีความผันผวนได้ในบางช่วง
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อการลงทุนทั่วโลก รวมถึงไทย แต่ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยครึ่งแรกปี 63 ยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.25% มีมูลค่าคงค้างรวมเท่ากับ 13.69 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาล ด้านปริมาณการซื้อขายในตลาดรองก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันที่ 5% จากปีที่ผ่านมา”
ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้จากนักลงทุนต่างประเทศ ครึ่งแรกปี 63 พบว่าลดลงสุทธิ 108,460 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิทั้งในตราสารหนี้ระยะยาว 61,075 ล้านบาท และตราสารหนี้ระยะสั้น 47,390 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 63 นักลงทุนต่างชาติถือครองตราสารหนี้ไทยรวมทั้งสิ้น 811,070 ล้านบาท หรือเท่ากับ 9.07% ของมูลค่าคงค้างพันธบัตรรัฐบาลและ ธปท. ซึ่งลดลงจาก 10.45% เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เดือน มิ.ย.63 นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันกลับมาซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง หลังจากขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 เดือนแรกของปี สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงครึ่งปีแรกผันผวน เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนถึงผลกระทบโควิดต่อเศรษฐกิจ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงกลางเดือน มี.ค.ปรับเพิ่มขึ้น ก่อนจะทยอยปรับลดลงในช่วงไตรมาส 2 ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงในทุกรุ่นอายุ.