ทีเอ็มบีซื้อธนชาต 1.6 แสนล้าน ยันไม่ปลดพนักงาน

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ทีเอ็มบีซื้อธนชาต 1.6 แสนล้าน ยันไม่ปลดพนักงาน

Date Time: 10 ส.ค. 2562 06:01 น.

Summary

ทีเอ็มบีทุ่มเงิน 1.6 แสนล้านบาทซื้อธนชาต ส่วนคลังใช้เงินกองทุนวายุภักษ์เพิ่มทุน 1.5 หมื่นลบ. ได้ถือหุ้นแบงก์ใหม่แค่ 18.40% ด้านธนชาตรับเงินสดๆ 8 หมื่นล้านบาท

Latest

ถอดบทเรียนการเงิน “Anna Chacon” จากใช้เงิน “เดือนชนเดือน” สู่ความมั่งคั่ง 200 ล้านบาท


พร้อมจัดทัพผู้บริหารใหม่

ทีเอ็มบีทุ่มเงิน 1.6 แสนล้านบาทซื้อธนชาต ส่วนคลังใช้เงินกองทุนวายุภักษ์เพิ่มทุน 1.5 หมื่นลบ. ได้ถือหุ้นแบงก์ใหม่แค่ 18.40% ด้านธนชาตรับเงินสดๆ 8 หมื่นล้านบาท ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุน–ซื้อบริษัทในเครือแถมมีเงินเหลืออีก 1 หมื่นล้านบาท พร้อมยืนยันหลังควบรวมไม่ปรับลดพนักงาน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า แผนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต ขบวนการจะเสร็จสิ้นภายในปี 2564 โดยธนาคารทหารไทยจัดหาเงินทุน 130,000-150,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การเพิ่มทุนจดทะเบียน 106,500 ล้านบาท และออกจำหน่ายตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 จำนวน 9,600-16,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์อีก 15,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นของธนาคารธนชาตในสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียน โดยการควบรวมกิจการจะต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากนั้นภายในเดือน ก.ย.นี้จะมีการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้น เพื่อเข้าสู่ขบวนการควบรวมกิจการต่อไป

“หลังจากการควบรวมกิจการ เชื่อว่าจะไม่มีการปลดพนักงาน เพราะเมื่อควบรวมแล้วเสร็จขนาดสินทรัพย์ของธนาคารอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท พนักงานที่มีทั้ง 2 แห่งรวมกัน ไม่ถึง 20,000 คน หากเทียบกับธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์เท่ากัน มีพนักงานจำนวนพนักงานมากกว่า 20-30% ประกอบกับในแต่ละปีมีพนักงานสาขาลาออกมากกว่า 10% ต้องรับเพิ่มทุกปี อีกทั้งพนักงานใหม่มีค่าใช้จ่ายในการอบรมถือว่าเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ โครงสร้างการถือหุ้นใหญ่ของธนาคารหลังควบรวม ไอเอ็นจีแบงก์ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 12,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 21.3% ของทุนจดทะเบียน บริษัททุนธนชาต ซื้อหุ้นเพิ่มทุน 45,200 ล้านบาท มีสัดส่วนการถือหุ้น 20.40% กระทรวงการคลัง ซื้อหุ้นเพิ่มทุนไม่น้อยกว่า 11,000 ล้านบาท มีสัดส่วนการถือหุ้น 18.40% และธนาคารโนวาสโกเทียซื้อหุ้นเพิ่มทุน 12,400 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 5.6% อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารทหารไทยใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 1.35-1.60 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นเพิ่มทุนที่ผู้ซื้อหุ้นของธนาคารธนชาตซื้อจะอยู่ที่ 1.1 เท่าของราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชี

อย่างไรก็ตาม บริษัทในเครือของธนาคารหลังควบรวมกิจการ ที่มาจากธนาคารธนชาต 2 บริษัท คือบริษัทธนชาตโบรกเกอร์ จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน และ บลจ.ธนชาต ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 75% ของทุนจดทะเบียน โดยในส่วนของบริษัทธนชาตโบรกเกอร์ จะเก็บเอาไว้ ส่วน บลจ.ธนชาตจะมีการนำมาควบรวมกับ บลจ.ทหารไทย ที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 35% ของทุนจดทะเบียน จากนั้นก็จะเสนอขายให้กับนักลงทุนที่สนใจภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุนธนชาตได้รับเงินสดจากการขายหุ้นธนาคารธนชาตที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียนประมาณ 80,000 ล้านบาท และนำเงินดังกล่าวไปโครงสร้างธุรกิจ 14,000 ล้านบาท ใช้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย 45,200 ล้านบาท นำเงินไปซื้อหุ้นบริษัทในเครือที่ธนาคารธนชาตถืออยู่ประกอบด้วย บริษัทธนชาตประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส บริษัทราชธานีลีสซิ่ง และเงินลงทุนอื่นๆ 12,000 ล้านบาท และมีเงินสดเหลืออยู่อีก 10,000 ล้านบาท

ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เผยว่า การควบรวมธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาตนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงินเพราะจะทำให้ธนาคารเข้มแข็งขึ้น รวมทั้งยังทำให้ธนาคารขนาดกลางหมดไป โดยเมื่อควบรวมแล้วธนาคารแห่งใหม่จะอยู่ในอันดับ 6 ของธนาคารขนาดใหญ่ทั่วประเทศ โดยมีสินทรัพย์รวมกันราว 1.9-2 ล้านล้านบาท

“ธนาคารใหม่จะใช้ชื่อเดิมว่า “ธนาคาร ทหารไทย” โดยคลังจะใช้เงินจากกองทุนวายุภักษ์ ซื้อหุ้นเพื่อเพิ่มทุนในวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากควบรวมแล้วคลังจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3 อยู่ที่ 18% จากเดิม 20% ส่วน บมจ.ทุนธนชาติ (TCAP) จะเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 อยู่ที่ 20% และ ING group NV จะเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 อยู่ที่ 21% จากเดิม 29% อย่างไรก็ตามการควบรวมกันครั้งนี้ แม้สัดส่วนถือหุ้นจะลดลงจากเดิม แต่ผลประโยชน์จะมากขึ้น เพราะเค้กก้อนใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการถอนหุ้นแต่อย่างใด และได้พิจารณาในเบื้องต้นแล้วว่าการเข้าไปเพิ่มทุน จะทำให้ต้นทุนการลงทุนของธนาคารลดลง เหลือประมาณ 2 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 2.84 บาทต่อหุ้น”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ