จบ ธนาคาร "ทหารไทย" ควบรวม "ธนชาต" ปรับตัวสู้ยุค Disruption

ปิดจ๊อบอีกหนึ่งอภิมหาดีลทางธุรกิจแห่งปี 2562 ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ประกาศความสำเร็จในการควบรวมกับธนาคารธนชาต ระหว่างนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้บริหาร ทำธุรกรรมการเงินได้ตามปกติ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กับธนาคารธนชาต หรือ TBANK ได้ประกาศความสำเร็จการควบรวมกิจการ โดยโครงสร้างสัดส่วนผู้ถือหุ้นหลักใหม่ เบื้องต้นประกอบด้วย ING ถือหุ้น 21.3% บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ถือหุ้น 20.4% กระทรวงการคลัง ถือหุ้น 18.4% สโกเทียแบงก์ หรือ BNS ถือหุ้น 5.6% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 34.3% ซึ่งคาดว่ากระบวนการรวมกิจการทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปี 2564

นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทุนธนชาตฯ กล่าวว่า เล็งเห็นศักยภาพและจุดแข็งจากทั้ง 2 ธนาคาร เมื่อรวมกันแล้วจะเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าตัว มีสินทรัพย์รวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท มีโครงสร้างทางธุรกิจและความชำนาญเสริมรับกันและกัน ธนาคารใหม่ที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของทั้ง 2 ธนาคาร คือ ธนชาตและทีเอ็มบี จะเป็นธนาคารมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเป็นประมาณ 10 ล้านคน มีความทับซ้อนกันไม่ถึง 10% ถือเป็นโอกาสทางการตลาดใหญ่ขึ้นกว้างขวางขึ้น มีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้นจากความเก่งของทั้ง 2 ธนาคาร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในทุกฐานลูกค้าทั่วประเทศ ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนทางธุรกิจที่สูงขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย กล่าวว่าการควบรวมคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2564 ระหว่างกระบวนการรวมการดำเนินงานยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารจะยังสามารถใช้บริการของธนาคารแต่ละแห่งได้ตามปกติ จะแจ้งความคืบหน้าลูกค้าทราบอย่างต่อเนื่อง 

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ในฐานะหนึ่งในทีมผู้บริหารของธนาคารใหม่นี้ ขอให้ความมั่นใจว่า การรวมกิจการครั้งนี้จะส่งผลดีต่อผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย โดยเฉพาะต่อลูกค้า คู่ค้า พนักงานและผู้ถือหุ้น เพราะจะนำไปสู่การยกระดับการให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์และการให้บริการที่ดีที่สุดจากธนาคารใหม่ เนื่องจากการรวมกิจการ ผนึกกำลังความเชี่ยวชาญ และจุดแข็งที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะธนาคารธนชาตที่เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ และทีเอ็มบีซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการระดมเงินฝาก ส่งผลให้การบริหารจัดการต้นทุนในการทำธุรกิจเกิดประสิทธิภาพ รวมถึงโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้นจากฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นถึง 10 ล้านคน ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไปอย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ ในด้านของพนักงานนั้น การรวมกิจการครั้งนี้ จะเปิดโอกาสการทำงานที่ท้าทายใหม่ๆ สำหรับพนักงานทั้ง 2 ธนาคาร จากการขยายฐานลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้น พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจร ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญในการดูแลพนักงานทั้ง 2 ธนาคารอย่างเป็นธรรม และทั่วถึง โดยจะมีแผนงานที่เป็นรูปธรรมในการพัฒนาความรู้ ความสามารถอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาตัวเอง สามารถใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ และเติบโตไปพร้อมกับธนาคาร ส่วนในเรื่องของสวัสดิการจะมีการจัดให้อย่างเหมาะสมและไม่น้อยไปกว่าเดิม