นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) ปตท.มีรายได้จากการขาย 1,142,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102,748 ล้านบาท หรือ 9.9% จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น โดยมีกำไรสุทธิ 99,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,294 ล้านบาท หรือ 32.2% จากงวดปีก่อนมีกำไร 75,522 ล้านบาท เป็นผลมาจากกำไรของผลการดำเนินงานของ ปตท. จำนวน 54,982 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในกลุ่ม ปตท.จำนวน 44,834 ล้านบาท ทั้งนี้ กำไรจากผลการดำเนินงานของ ปตท.ที่ 54,982 ล้านบาทนั้น เพิ่มขึ้น 14,915 ล้านบาท หรือเพิ่ม 37% จากช่วงปี 59 ที่มีกำไร 40,067 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติของโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ดีขึ้น จากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และยังมีรายได้อื่นจากเงินปันผลและกำไรจากการขายเงินลงทุนในกองทุนรวม 5,260 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 5,050 ล้านบาท จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรที่มาจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. เช่น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือ ปตท.สผ., บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล, บมจ. ไทยออยล์ เป็นต้น จำนวน 44,834 ล้านบาทนั้น เพิ่มขึ้น 9,379 ล้านบาท หรือ 26.5% จากปีที่แล้วที่มีกำไร 35,455 ล้านบาท ซึ่งมีผลงานดีขึ้นจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นที่ดีขึ้น ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น แม้จะมีด้อยค่าทรัพย์สินของ ปตท.สผ.ก็ตาม “ผลดำเนินงานที่ดีส่งผลให้ ปตท. มีศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศในระยะยาว สามารถตอบสนองการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้กับประเทศได้”.