ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.ค.63 ปิดที่ 1,374.13 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 84,485.85 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 613.50 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STGT ปิด 60.50 บาท บวก 26.50 บาท, STA ปิด 28 บาท ลบ 1.25 บาท, PTT ปิด 39 บาท บวก 0.50 บาท, SCC ปิด 390 บาท บวก 18.00 บาท และ MINT ปิด 21.30 บาท บวก 1.20 บาท
ราคาหุ้น บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) เปิดและปิดเทรดวันแรกที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท จากราคา IPO ที่ 34 บาท เหนือจอง 77.94% โดยเปิดตลาดที่ 55.25 บาท สูงสุด 60.75 บาท ต่ำสุด 55.25 บาท
มีบทวิเคราะห์น่าสนใจ “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ระบุว่า มองดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรก ผันผวนแกว่งตัวขึ้นลงมากถึง 630 จุด หรือกว่า 40%
ขณะที่ประเมินทิศทางตลาดในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะยังคงผันผวนสูงจาก 4 ประเด็นหลัก คือ 1.ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้าออกไป หรือต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้น
3.ช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่บริษัทต่างๆจะผิดนัดชำระหนี้ หรือล้มละลาย หลังจากที่มาตรการช่วยเหลือต่างๆสิ้นสุดลง และ 4.ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทย และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ซึ่งอาจกระทบต่ออัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yield)
นักลงทุนที่รอจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทย มองกรอบดัชนีที่ 1,250-1,300 จุดเป็นระดับดัชนีที่ไม่แพง และเป็นจังหวะน่าทยอยสะสมอีกครั้ง โดยธีมหุ้นเด่นที่น่าลงทุนครึ่งปีหลังคือ หุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด-19 หรือมีความเสี่ยงต่ำหากเกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 รวมทั้งมีความปลอดภัยจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจกลับมาปะทุขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
คือหุ้น BAM, CBG และ CPALL ผสานกับหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินชีวิตแบบ New Normal แนะนำ TRUE และแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะนำ CK และ SCC
ดังนั้น 6 หุ้นเด่นครึ่งปีหลัง คือ BAM, CBG, CK, CPALL, SCC และ TRUE!!
อินเด็กซ์ 51