
สภาตลาดทุนฯ จ่อถกคลัง ชงมาตรการสร้างเชื่อมั่นต่อตลาดทุนต้น มี.ค.นี้ พร้อมหนุนแผนโยกเงิน LTF เข้ากอง Thai ESG ใหม่ หวังสกัดแรงขายแผ่วลงเหลือ 5,000-6,000 ล้าน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ว่า ล่าสุด FETCO เตรียมมาตรการไปนำเสนอทั้งระยะสั้น กลาง และยาวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย โดยคาดว่าน่าจะได้เข้าพบ รมว.คลัง ได้ภายในช่วงต้นเดือน มี.ค.68 มองว่าการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเพื่อทำให้ตลาดทุนสามารถกลับมายืนได้ คือ การแก้ไขปัญหาแรงขายของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และแก้ปัญหากรณีผู้ถือหุ้นใหญ่นำหุ้นไปจำนำแล้วราคาหุ้นตกลงมาทำให้โดนบังคับขายหุ้นในราคาต่ำ ทำให้กดราคาหุ้นลงมา นอกจากนี้มองว่าโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะสร้างความเชื่อมั่นผู้ลงทุนให้กลับมาได้
ขณะที่การแก้ปัญหาระยะกลาง คือ การยกระดับคุณภาพ บจ.ที่ขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มขึ้น มีโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯที่น่าจะช่วยผลักดันให้ บจ.เข้มแข็งและปั้นมาร์เกตแคปให้เติบโตขึ้น ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น ต้องผลักดันกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆให้เข้ามาในตลาดทุน โดย FETCO เล็งเสนอรัฐบาลให้ขับเคลื่อน พ.ร.บ.สตาร์ตอัพ เพราะยังไม่เห็นการผลักดันด้านนี้ เทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย ที่มีธุรกิจสตาร์ตอัพเกิดขึ้นจำนวนมาก
นายกอบศักดิ์ยังกล่าวว่า ส่วนกองทุนรวม LTF ที่คลังมีแนวคิดจะโยกเม็ดเงินที่คงค้างรวมกว่า 1.8 แสนล้านบาท ไปในกองทุนใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น กองทุน Thai ESG2 นั้น ทาง FETCO ได้ส่งทีมงานเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน LTF ให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลังพิจารณาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบัน สมาคมบริษัทจัดการกองทุน (AIMC) กำลังเตรียมเอกสารข้อมูลเพื่อนำเสนอไว้แล้ว “เรื่องสิทธิประโยชน์ภาษีที่กองทุน LTF เดิมจะได้รับต้องจูงใจพอสมควร เพราะจะช่วยหยุดแรงขายในกองทุน LTF ได้ รวมถึงสัดส่วนการลงทุนในกองทุน Thai ESG2 อยากให้เน้นลงทุนในหุ้นอย่างเดียวหรืออย่างน้อยให้น้ำหนักลงทุนหุ้นมากกว่า 50% และให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นได้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับลง เพื่อลดความเสี่ยงให้กับกองทุน โดยอยากให้กระทรวงการคลังทำเรื่องนี้ให้เป็นมาตรการระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเหมือนกองทุน LTF ที่เมื่อหมดอายุลงแล้ว เมื่อครบกำหนด ทำให้เกิดแรงขายขนาดใหญ่ในตลาดหุ้น มาตรการนี้จะช่วยลดแรงขาย LTF ลงเหลือ 5,000-6,000 ล้านบาท ที่จากต้นปีถึงปัจจุบันขาย 20,000-30,000 ล้านบาท”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่