เดิมพันปี 2025 ฟองสบู่ AI ทองพุ่ง คริปโตฯ ผันผวน เงินเสื่อมค่า โลกการเงินที่ได้และเสียไปพร้อมกัน
Date Time: 29 ธ.ค. 2568 16:31 น.
“Summary“
ปี 2025 คืออีกหนึ่งปีที่การลงทุนคึกคักอย่างมาก และตลาดเองก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วไม่แพ้กัน ทองคำทะลุมูลค่าทำ All-Time High ใหม่ ขณะที่หุ้นสถาบันสินเชื่อที่เคยนิ่งกลับผันผวน ตลาดคริปโตฯ ขยับขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะ หุ้น AI ที่ร้อนแรงจนเกิดการไล่ซื้อหุ้น แห่ล่าผลตอบแทน ส่อง 7 เดิมพันแห่งปี 2025 ในโลกการเงินการลงทุน ที่ทำให้ภาพของตลาดลงทุนที่มีทั้งฝั่งที่ชนะ ล้างพอร์ต และดีลที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย
Latest
ปี 2025 คืออีกหนึ่งปีที่การลงทุนคึกคักอย่างมาก และตลาดเองก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วไม่แพ้กัน ทองคำทะลุมูลค่าทำ All-Time High ใหม่ ขณะที่หุ้นสถาบันสินเชื่อที่เคยนิ่งกลับผันผวน ตลาดคริปโตฯ ขยับขึ้นลงราวกับรถไฟเหาะ หุ้น AI ที่ร้อนแรงจนเกิดการไล่ซื้อหุ้น แห่ล่าผลตอบแทน
และช่วงสิ้นปีนี้ สำนักข่าว Bloomberg ได้รวบรวม “ที่สุดแห่งการเดิมพันของปี 2025” ภาพของตลาดลงทุนที่มีทั้งฝั่งที่ชนะ ล้างพอร์ต และดีลที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัย ซึ่งล้วนทิ้งคำถามคาใจสำหรับปี 2026 ว่า ตลาดกำลังยืนอยู่บนรอยร้าวเดิมอีกครั้งหรือไม่ บริษัทที่เปราะบางมูลค่าที่ตึงเกินจริง และการเทรดตามกระแสจะยังเวิร์ก หรือจะไม่เวิร์ก?
เดิมพัน “คริปโตฯ”
นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี นโยบายของตลาดคริปโตฯ ก็คลอดออกมาต่อเนื่อง หนุนให้ตลาดนี้คึกคักขึ้น โดยหนึ่งในเดิมพันที่ดูน่าสนใจที่สุดของตลาดคริปโตฯ คือการที่คนเลือก “ซื้อทุกอย่างที่เกี่ยวกับทรัมป์” ทั้งระหว่างหาเสียงและหลังเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์แสดงจุดยืนหนุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มที่ และแต่งตั้งคนจากอุตสาหกรรมคริปโตฯ เข้าสู่หน่วยงานสำคัญ
ครอบครัวทรัมป์เองก็ลงสนามเต็มตัว ทั้งธุรกิจและเหรียญคริปโตฯ เหรียญมีมทยอยออกมาตั้งแต่ก่อนพิธีสาบานตน ทำให้หลังมีนโยบายออกมา ครอบครัวทรัมป์ก็ได้รับผลประโยชน์ไปตาม ๆ กัน World Liberty Financial เปิดให้ซื้อขายโทเคน WLFI กับนักลงทุนรายย่อย และด้านลูก ๆ ของทรัมป์ก็ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีหลังพา American Bitcoin บริษัทขุดบิตคอยน์ที่เข้าตลาดฯ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: รับตำแหน่งมาไม่ถึงปี ทรัมป์เปลี่ยนตลาดคริปโตฯ แค่ไหน? เบื้องหลังผลักดันนโยบายที่พลิกทั้งตลาด
ทุกการเปิดตัวทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งแรง แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ณ วันที่ 23 ธันวาคม มีมคอยน์ของทรัมป์ร่วงกว่า 80% จากจุดสูงสุดเดือนมกราคม ของเหรียญมีมเมลาเนียร่วงเกือบ 99% ส่วน American Bitcoin ดิ่งราว 80% จากจุดพีกเดือนกันยายน
แม้การเมืองช่วยสร้างโมเมนตัม แต่ไม่สามารถต้านกฎเหล็กของการเก็งกำไรได้ บิตคอยน์เองก็มีแนวโน้มปิดปีติดลบ หลังร่วงจากจุดสูงสุดเดือนตุลาคม สรุปท้ายที่สุดแล้ว สำหรับสินทรัพย์ที่ผูกกับทรัมป์ การเมืองให้แรงส่ง แต่ไม่ใช่เกราะป้องกัน
เดิมพัน “หุ้น AI”
AI จะฟองสบู่แตกไหม? คำถามที่ถูกยกขึ้นมาแทบจะตลอดทั้งปี เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ทุ่มลงทุนมหาศาลทั้งในโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนา AI ใหม่ให้มีศักยภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งแรงสั่นสะเทือนคือการออกมาประกาศของ Scion Asset Management ของ ไมเคิล เบอร์รี นักลงทุนระดับตำนานจาก The Big Short เปิดเผยว่า ถือออปชัน “Put” ป้องกันความเสี่ยงในหุ้น Nvidia และ Palantir สองตัวหลักของธีม AI
ซึ่ง Put ของ Nvidia ต่ำกว่าราคาปิดถึง 47% และ Palantir ต่ำถึง 76% แม้จะไม่รู้ชัดว่าเป็นดีลซับซ้อนแค่ไหนหรือยังถืออยู่หรือไม่ แต่การเปิดเผยครั้งนี้เหมือนไม้ขีดไฟจุดกองฟืนความกังขาต่อมูลค่าหุ้น AI ที่พุ่งแรงมาหลายปี
หลังข่าวออก หุ้น Nvidia และ Palantir ร่วงทันที ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมา Nasdaq ก็ปรับฐานตาม แม้ไม่รู้ว่า ไมเคิล เบอร์รีทำกำไรได้เท่าไร แต่ Put ของ Palantir ที่เขาระบุว่าซื้อที่ 1.84 ดอลลาร์สหรัฐ เคยพุ่งกว่า 101% ภายในไม่ถึงสามสัปดาห์
เดิมพัน “เงินเสื่อมค่า”
ภาระหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น รวมถึงความไม่จริงจังทางการเมืองในการแก้ปัญหา ทำให้นักลงทุนจำนวนมากในปี 2025 หันไปเชื่อในแนวคิดที่เรียกว่า “Debasement Trade” หรือการเดิมพันว่าเงินตราจะเสื่อมค่า
แนวคิดนี้ผลักดันให้เงินไหลเข้าทองคำและสินทรัพย์ทางเลือกอย่างคริปโตฯ ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลและเงินดอลลาร์สหรัฐกลับถูกตั้งคำถาม ชื่อของ Debasement Trade นี้อ้างอิงย้อนไปในประวัติศาสตร์ยุคจักรพรรดินีโร ที่ลดคุณค่าของเหรียญเงินเพื่อแก้ปัญหาการคลัง
กระแสความเชื่อนี้พีคสุดในเดือนตุลาคม เมื่อความกังวลเรื่องฐานะการคลังสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น แถมช่วงนั้นยังซ้อนทับกับเหตุการณ์ปิดหน่วยงานรัฐบาลยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ นักลงทุนจึงเริ่มมองหาที่พักเงินนอกดอลลาร์ และเป็นช่วงเดียวกับที่ทั้งทองคำและบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดพร้อมกันอีกด้วย
แต่แล้ว Debasement Trade กลับไม่ง่ายอย่างเรื่องเล่า เพราะช่วงปลายปีมานี้บิตคอยน์ร่วงลงต่อเนื่อง ส่วนค่าเงินดอลลาร์เริ่มทรงตัว และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้พังอย่างที่หลายคนคาด ตรงกันข้ามกลับกำลังจะปิดปีดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 สะท้อนว่าความกลัวเงินเสื่อมค่าสามารถอยู่ร่วมกับความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอและดอกเบี้ยเริ่มถึงจุดสูงสุด
เดิมพัน “หุ้นเกาหลี”
หากพูดถึงความผันผวนและพล็อตหักมุม ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ในปี 2025 นั้นมีเนื้อเรื่องไม่แพ้ซีรีส์ K-Drama เลย โดยดัชนีหุ้นหลักของประเทศพุ่งกว่า 70% ภายในปีเดียว (ถึงวันที่ 22 ธ.ค.) กลายเป็นหนึ่งในตลาดที่ร้อนแรงที่สุดในโลก
แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ที่ผลักดันวาระ “Kospi 5000” อย่างจริงจัง ซึ่งถือว่าแทบไม่เคยมีผู้นำประเทศคนใดประกาศเป้าหมายดัชนีหุ้นตรงไปตรงมาเช่นนี้
จากที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงสโลแกนทางการเมือง วันนี้ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan และ Citi เริ่มเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวของประธานาธิบดีอาจเกิดขึ้นได้จริงในปี 2026 โดยมีแรงหนุนจากกระแส AI โลก ที่ทำให้เกาหลีใต้ถูกมองเป็นตลาด “AI Play” หลักของเอเชีย
แต่ท่ามกลางเงินทุนต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามา นักลงทุนรายย่อยในประเทศกลับไม่อิน คนเกาหลีขายหุ้นในประเทศต่อเนื่อง และนำเงินรวมกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ คริปโตฯ และ ETF เลเวอเรจแทน
ผลลัพท์ที่ตอบกลับมา คือเงินวอนอ่อนค่า สะท้อนว่า แม้ตลาดหุ้นจะพุ่งแรง แต่ความเชื่อมั่นของคนในประเทศยังไม่กลับมาเต็มที่
เดิมพัน “บิตคอยน์” (เวอร์ชั่น Chanos vs Saylor)
นี่ไม่ใช่แค่ดีลการเงิน แต่ในปีนี้ยังมีการปะทะกันของสองโลกทัศน์ นั่นคือ Jim Chanos นักชอร์ตเซลเลอร์ระดับตำนาน ปะทะ Michael Saylor ผู้ศรัทธาบิตคอยน์แบบสุดขั้ว
ต้นปี 2025 ขณะที่บิตคอยน์พุ่งแรง หุ้นของ Strategy (หรือในอดีตคือ MicroStrategy) ของ Saylor พุ่งยิ่งกว่า เพราะตลาดให้พรีเมียมกับบริษัทที่ถือบิตคอยน์จำนวนมหาศาลในงบดุล โดยฝั่ง Jim Chanos มองว่าพรีเมียมนี้ไม่สมเหตุสมผล เขาจึงเลือกชอร์ต Strategy และถือบิตคอยน์แทน พร้อมประกาศต่อสาธารณะในเดือนพฤษภาคม จุดชนวนศึกวาทกรรมเดือดผ่านสื่อและโซเชียล
หุ้น Strategy ทำจุดสูงสุดในเดือนกรกฎาคม แต่หลังจากนั้น เมื่อบริษัทอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มเลียนแบบโมเดลบริษัทคลังบิตคอยน์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และราคาคริปโตฯ เริ่มอ่อนแรง ทำเอาหุ้น Strategy ร่วงหนัก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
และนับตั้งแต่ Jim Chanos ออกมาเปิดเผย นับตั้งแต่พฤศจิกายนเป็นต้นมาหุ้น Strategy ร่วงแล้วกว่า 42% ตอกย้ำบทเรียนเดิมของโลกคริปโตฯ ที่ว่าความเชื่อสร้างงบดุล และงบดุลพยุงความเชื่อ จนกระทั่งความเชื่อเริ่มสั่นคลอน
เดิมพัน “พันธบัตรญี่ปุ่น”
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นักลงทุนมองว่าการชอร์ตพันธบัตรญี่ปุ่น คือกับดักที่เผานักลงทุนมานับไม่ถ้วน จนได้ชื่อว่าเป็น Widowmaker เพราะใครเข้าเร็ว มักเจ็บหนักจากนโยบายดอกเบี้ยต่ำของ BOJ
แต่ปี 2025 ทุกอย่างเปลี่ยนไป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นพุ่งแรงจากหลายปัจจัย ทั้งการขึ้นดอกเบี้ย นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาล และการที่ BOJ ลดการเข้าซื้อพันธบัตร
Yield พันธบัตร 10 ปีทะลุ 2% สูงสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่พันธบัตร 30 ปีพุ่งทำสถิติใหม่ ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นของ Bloomberg ร่วงกว่า 6% แย่ที่สุดในโลกปีนี้ และกองทุนชั้นนำจาก Schroders, Jupiter ไปจนถึง RBC BlueBay ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เทรดนี้ยังไม่จบ
เดิมพัน “ตลาดตราสารหนี้”
ตลาดตราสารหนี้ในปี 2025 ไม่ได้สั่นคลอนจากการล่มสลายครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว แต่มาจากการพังเป็นระลอกของดีลเล็ก ๆ หลายกรณี ที่ค่อย ๆ ถูกเปิดโปงพฤติกรรมสุดน่าอึดอัดใจในตลาดเครดิตออกมา
บริษัทที่เคยถูกมองว่าเป็นลูกหนี้ธรรมดา ๆ กลับประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง ทิ้งให้ผู้ปล่อยกู้ต้องแบกรับผลขาดทุนจำนวนมาก
Saks Global ต้องปรับโครงสร้างพันธบัตรมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากจ่ายดอกเบี้ยได้เพียงงวดเดียว และแม้จะปรับโครงสร้างแล้ว หนี้ชุดใหม่ก็ยังซื้อขายกันต่ำกว่า 60 เซนต์ต่อดอลลาร์ ขณะที่พันธบัตรของ New Fortress Energy ที่เพิ่งแลกเปลี่ยนใหม่ สูญเสียมูลค่ามากกว่าครึ่งภายในเวลาเพียงปีเดียว
กรณีล้มละลายของ Tricolor และต่อมาคือ First Brands ทำให้มูลค่าหนี้หายวับไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ บางกรณีพบว่าเกิดจากการทุจริต ขณะที่บางบริษัทเพียงแค่ไม่สามารถทำผลงานได้ตามประมาณการที่เคยวาดฝันไว้
ไม่ว่ากรณีใด สิ่งที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงไม่ได้คือคำถามว่า เหตุใดพวกเขาจึงกล้าเดิมพันเงินก้อนใหญ่กับบริษัทที่แทบไม่มีหลักฐานยืนยันว่าจะสามารถชำระหนี้ได้จริง
หลายปีของอัตราผิดนัดต่ำและสภาพคล่องล้นระบบ ทำให้มาตรฐานการปล่อยกู้เสื่อมถอย ตั้งแต่การคุ้มครองผู้ให้กู้ ไปจนถึงกระบวนการตรวจสอบสินเชื่อขั้นพื้นฐาน กรณีของ First Brands และ Tricolor ยังเผยว่า ผู้ให้กู้ไม่สามารถตรวจพบได้ว่าลูกหนี้ถูกกล่าวหาว่า นำสินทรัพย์เดียวกันไปค้ำประกันซ้ำซ้อน และ ปะปนหลักประกันระหว่างเงินกู้หลายชุด
ผู้ให้กู้กลุ่มนั้นรวมถึง JPMorgan โดยมีซีอีโอ เจมี ไดมอน ออกมาเตือนตลาดในเดือนตุลาคมว่า ปัญหานี้ยังไม่จบ โดยกล่าวเปรียบเปรยว่า “ถ้าคุณเห็นแมลงสาบหนึ่งตัว ก็มีโอกาสสูงว่าจะมีตัวอื่นซ่อนอยู่อีก” คำเตือนนี้อาจกลายเป็นธีมสำคัญของตลาดในปี 2026 อีกด้วย
ที่มา: Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author
