หนีไปนอกแล้ว ค่อยสั่งอายัด? ก.ล.ต. ชี้แจงกรณี JKN ล่าสุด สั่งกล่าวโทษเพิ่ม รวม 12 ราย

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หนีไปนอกแล้ว ค่อยสั่งอายัด? ก.ล.ต. ชี้แจงกรณี JKN ล่าสุด สั่งกล่าวโทษเพิ่ม รวม 12 ราย

Date Time: 25 ธ.ค. 2568 15:58 น.

Video

Sony ทำได้ยังไง ? หาเงินจากทุกสิ่ง แบบไม่ต้องวิ่งแข่งกับใคร | Digital Frontiers EP.51

Summary

  • ก.ล.ต. เชือด 12 ราย กล่าวโทษผู้บริหาร JKN และเครือข่าย ฐานความผิดร้ายแรง ทั้งทุจริต ยักยอกเงิน ตกแต่งงบการเงิน และใช้ข้อมูลภายในเทขายหุ้นเอาเปรียบนักลงทุน
  • เดินหน้ายึดทรัพย์ ส่งไม้ต่อให้ DSI สอบสวนคดีอาญา พร้อมประสาน ปปง. พิจารณาอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทันที
  • สังคมวิจารณ์หนักว่าดำเนินการช้าเกินไปหรือไม่ หวั่นผู้กระทำผิดหนีออกนอกประเทศแล้ว ด้าน ก.ล.ต. ชี้แจงรายละเอียด

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งท้ายปีด้วยข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนวงการตลาดทุนไทยอีกครั้ง หลังประกาศขยายผลการตรวจสอบมหากาพย์หุ้น JKN หรือ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมีมติกล่าวโทษผู้กระทำผิดเพิ่ม รวม 12 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)

พร้อมงัดมาตรการยาแรงที่สุดตามกฎหมาย สั่งยึดอายัดทรัพย์สินและห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกับกลุ่มผู้บริหารระดับสูง 4 ราย นำโดย "แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์" หลังพบพฤติการณ์ทุจริตซ้อนทุจริต ทั้งการตกแต่งงบการเงินและการไซฟ่อนเงินบริษัทที่สร้างความเสียหายรวมกว่า 714 ล้านบาท แต่จากข่าวล่าสุด แอน-จักรพงษ์ และผู้เกี่ยวข้องบางส่วนก็หลบหนีออกประเทศไทยแล้ว ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่โซเชียลถกถามกันมาตลอดว่า การจัดการที่ออมาทันเวลาไหม?


เปิดพฤติการณ์ สร้างหนี้เทียม-วนเงินเข้ากระเป๋า อาศัยข้อมูลภายในชิงขายหุ้น

จากการขยายผลตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบความไม่ชอบมาพากล จึงกล่าวโทษบุคคลรวม 12 ราย ในรายชื่อนั้นยังมี “แอน-จักรพงษ์” และผู้บริหารระดับสูง โดยพบพฤติการณ์ทุจริตว่า ธุรกรรมซื้อขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์มูลค่าสูงถึง 557.63 ล้านบาท “ไม่มีอยู่จริง” 

เส้นทางเงินก้อนนี้ถูกโอนออกจาก JKN ไปยัง Nominee ของ แอน-จักรพงษ์ แล้ววนกลับมาซื้อหุ้นและหุ้นกู้ของ JKN แทนแอน-จักรพงษ์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างภาพลวงตาทางการเงินแล้ว (คาดว่าเกิดขึ้นในงบการเงินปี 65 - 66) เงินบางส่วนยังไหลเข้ากระเป๋าส่วนตัวของผู้บริหารอีกด้วย 

นอกจากการทุจริตงบการเงินแล้ว ยังตรวจพบการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อยอย่างชัดเจน โดยกลุ่มผู้บริหารและบุคคลใกล้ชิดอาศัย “ข้อมูลภายใน” เรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่น JKN239A ซึ่งยังไม่เปิดเผย ณ เวลานั้น ชิงเทขายหุ้น JKN ออกมา แน่นอนว่าเพื่อเลี่ยงผลขาดทุน 

งานนี้มีตัวละครเกี่ยวข้องเพียบ ทั้งบัญชีของคุณพ่อ และญาติพี่น้องของผู้บริหาร ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเทขายหุ้นตัดหน้ากระดาน ก่อนที่ข่าวร้ายจะถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ


เปิดโผ 12 ผู้ถูกกล่าวโทษ ใครโดนคดีอะไรบ้าง

จากการขยายผลตรวจสอบของ ก.ล.ต. นำไปสู่การกล่าวโทษผู้กระทำผิดรวม 12 ราย (แบ่งเป็นบุคคล 11 ราย และนิติบุคคล 1 ราย คือ บริษัท JKN) แบ่งพฤติการณ์ความผิดออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ทุจริต สร้างหนี้เทียม และตกแต่งงบ

กลุ่มนี้คือผู้บริหารระดับสูง 4 ราย ที่ ก.ล.ต. มองว่าเป็นตัวการหลักในการสร้างธุรกรรมซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่ไม่มีจริง เพื่อนำเงินบริษัทออกไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวและตกแต่งบัญชี ซึ่งทั้ง 4 รายนี้ ถูกสั่งยึดอายัดทรัพย์สินและห้ามออกนอกประเทศทันที โดยอาศัยอำนาจตามความมาตรา 267 พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ได้แก่

1. นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)

2. นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ (น้องสาวนายจักรพงษ์ และกรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายงานคอนเทนต์)

3. นางสาวพิสมัย ห่างไธสง (กรรมการบริหาร และรักษาการรองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี)

4. นางสาวกมลรัตน์ มงคลครุธ (กรรมการบริหาร และรองกรรมการผู้จัดการสายงานขาย)

กลุ่มที่ 2 เครือข่ายใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) และ Nominee

กลุ่มนี้คือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเทขายหุ้น JKN ก่อนข่าวร้ายจะประกาศ หรือยินยอมให้ใช้บัญชีนอมินีเพื่ออำพรางธุรกรรม มีรายชื่อเพิ่มเติมได้แก่

5. นายพรชัย มงคลครุธ (น้องชายของนางสาวกมลรัตน์)

6. นายอชิระ สุธีสถาพร (บิดานายจักรพงษ์)

7. นางสาวปาริชาติ เนียมหอม

8. นางอริยพร ไทยจินดา

9. นางสาวมลฤดี เอี่ยมโอฬาร

10. นายเชฎฐา จิตรมณี

11. นายกฤติพัฒน์ ศรีเทพเอี่ยม (ผอ.ฝ่ายกฎหมาย) ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่นายจักรพงษ์ในการส่งคำสั่งขายหุ้นในบัญชี Nominee

นอกจากนี้ รายที่ 12. บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (JKN) ในฐานะนิติบุคคลที่ถูกกล่าวโทษในกรณีส่งงบการเงินอันเป็นเท็จต่อ ก.ล.ต


อายัดทรัพย์และห้ามออกนอกประเทศตอนนี้ ช้าไปไหม ?

นักลงทุนหลายคนคงมีคำถามค้างคาใจว่า คำสั่งอายัดทรัพย์ และห้ามออกนอกประเทศตอนนี้ช้าไปไหม ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ตอบข้อสงสัยประเด็นนี้ว่า 

ในครั้งที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ JKN นายจักรพงษ์ และนางสาวพิมพ์อุมา ในเดือนมิถุนายน 2568 นั้น ก.ล.ต. ไม่พบว่า นายจักรพงษ์และนางสาวพิมพ์อุมามีพฤติการณ์หลบหนี และไม่พบพฤติการณ์สงสัยว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน โดยนายจักรพงษ์ และนางสาวพิมพ์อุมามีการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักรหลายครั้งในช่วงที่ ก.ล.ต. ตรวจสอบการกระทำความผิดดังกล่าว โดยนายจักรพงษ์ และนางสาวพิมพ์อุมา มาให้ถ้อยคำและมีหนังสือชี้แจงต่อ ก.ล.ต. ทุกครั้งก่อนที่ ก.ล.ต. จะกล่าวโทษในเดือนมิถุนายน 2568

รวมทั้งนายจักรพงษ์ยังปรากฏตัวในสื่อต่าง ๆ ทำให้ไม่เข้าเหตุตามมาตรา 267 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ในการมีคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักร และมีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินในครั้งก่อน

การกล่าวโทษเพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการตรวจสอบต่อจากที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ทำให้พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมในความผิดเรื่องของการทุจริตจากที่เคยกล่าวโทษไปแล้ว

และเมื่อปรากฏว่า นายจักรพงษ์ และนางสาวพิมพ์อุมา หลบหนีออกจากราชอาณาจักรแล้ว รวมทั้งพบพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และเป็นคดีที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง จึงเข้าเหตุสั่งยึดอายัดทรัพย์สินและห้ามออกนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 267 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ

อย่างไรก็ดี การสั่งการออกนอกราชอาณาจักรครอบคลุมบุคคลที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษครั้งนี้ (25 ธันวาคม 2568) มีผู้ร่วมกระทำความผิดรวม 4 ราย ได้ร่วมกันทุจริต โดยเป็นการสั่งการเป็นเวลา 15 วัน และในทางขนาน ก.ล.ต. จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขยายเวลาการสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

หลังจากนี้กระบวนการจะเข้าสู่ขั้นตอนของพนักงานสอบสวน DSI และอัยการในการฟ้องคดีต่อศาล  ส่วนทาง ก.ล.ต. ยืนยันว่าจะประสานงานกับ ตม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตัวและอายัดทรัพย์สินอย่างถึงที่สุด

นี่คือบทเรียนราคาแพงและเป็นกรณีศึกษาสำคัญเรื่องธรรมาภิบาลในตลาดทุนไทยที่นักลงทุนต้องจับตาดูกันต่อไป…


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ