ได้เวลาหนี “หุ้นเทคสหรัฐฯ” ? หลังรายได้โตไม่ทันต้นทุน นักลงทุนเทขายกดหุ้นร่วงหนัก

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ได้เวลาหนี “หุ้นเทคสหรัฐฯ” ? หลังรายได้โตไม่ทันต้นทุน นักลงทุนเทขายกดหุ้นร่วงหนัก

Date Time: 15 ธ.ค. 2568 12:08 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

หุ้นเทคโนโลนีสหรัฐฯ กำลังเผชิญมรสุมครั้งใหม่ นักลงทุนเทขายกดหุ้นร่วงหนัก เริ่มตั้งคำถามสรุปลงทุนไปคุ้มจริงไหม? Thairath Money ชวนเปิดมุมมองนักวิเคราะห์ฯ เกิดอะไรขึ้นกันแน่

Latest


ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก

แต่สัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรง จากแรงเทขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI และเซมิคอนดักเตอร์ 

จนทำให้นักลงทุนอาจต้องกลับมาตั้งคำถามว่า "การลงทุนในหุ้นเทคฯ ที่มีมูลค่าสูงลิ่วในตอนนี้ ยังคงคุ้มค่ากับความเสี่ยงอยู่จริงหรือ?"

เพราะดูเหมือนว่ารายได้ที่เติบโตอาจไม่ทันต้นทุนมหาศาลที่ทุ่มลงไปเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ประกอบกับความกังวลในระดับมหภาคที่เข้ามาซ้ำเติม ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นโลกมีความผันผวนสูงขึ้นไปอีก

Thairath Money พาส่องความเห็นนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ เพื่อเจาะลึกกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่


หุ้นเทคฯ กำลังเผชิญมรสุมครั้งใหม่ ?

ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้ความเห็นไว้ว่า ปัจจุบันนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่าและความเสี่ยงในการลงทุน โดยความกังวลได้เริ่มทะลักเข้าสู่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างชัดเจน หลังตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ร่วงลงแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีตัวอย่างหุ้นที่ปรับตัวลงหนัก เช่น

  • AVGO -11.4%
  • AMD -4.8%
  • ORCL -4.5%
  • NVDA -3.3%

พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงฟองสบู่ AI หลังมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลทุ่มสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน แต่รายได้ยังไม่ทันต้นทุน ซึ่งมีสัญญาณเกิดขึ้นในหลายบริษัท เช่น

OPEN AI ที่วางแผนใช้เงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ในอีกไม่กี่ปี แต่รายได้ยังต่ำกว่าต้นทุนมาก ซึ่งคาดว่าจะเผาผลาญเงิน 1.15 แสนล้านดอลลาร์ จนถึงปี 2572 ก่อนจะเริ่มสร้างกระแสเงินสดในปี 2573

NVIDIA ลงทุนสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์ฯ สร้างความกังวลเรื่อง Circular Financing และ ALPHABET, MICROSOFT, AMAZON, META จะใช้เงินกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ฯ ใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่รายได้จาก AI ยังโตไม่ทันต้นทุน เพิ่มความเสี่ยงต่อกระแสเงินสดและการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น


คาด BOJ จ่อปรับขึ้นดอกเบี้ย หวั่นดึงเม็ดเงินออกจากหุ้นสหรัฐฯ

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าอีก อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ การประชุมของธนาคารกลางต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ที่จะประชุมวันที่ 19 ธ.ค. 2568

ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75% สวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เพิ่งปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 3.75% อาจเพิ่มระดับความกังวลในประเด็น “Yen Carry Trade” หรือเกิดการดึงเม็ดเงินออกจากสหรัฐฯ และไหลเข้าญี่ปุ่น

และเมื่อพิจารณาข้อมูลในอดีตตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. ถึง 16 ก.ย. 67 เงินเยนแข็งค่าขึ้น 7.8% กดดันค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงราว 3.6% ส่วนแง่มุมของตลาดหุ้น หลังจากที่ BOJ เซอร์ไพร์สปรับขึ้นดอกเบี้ย เคยกดดัน S&P500 ผันผวนหนัก ร่วงลงราว 8.5% และในช่วงที่ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด ยังสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่นกัน


ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจใกล้ชิด

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุสอดคล้องกันว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนี Dow Jones จะปิดลบไม่มากนัก (-0.5%) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq กลับปิดในแดนลบอย่างชัดเจน จากการเผชิญแรงขายหนักในหุ้นกลุ่ม Technology" ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของดัชนีทั้งสอง

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่ม Technology อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีสัญญาณของการผ่อนคลายแรงขายหรือไม่

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มให้น้ำหนักฝั่งความเสี่ยงหุ้นเทคฯ มากกว่าปัจจัยบวก หลังรับรู้ข่าวบวกมากจน Valuation แพง อิงกรณี Broadcom ดำเนินธุรกิจขายชิป แม้กำไรดีกว่าคาด แต่ตลาดให้น้ำหนักความกังวลต่ออัตรากำไรในไตรมาสถัดๆ ไป เนื่องจากสินค้าอิง AI มีอัตรากำไรต่ำกว่าสินค้าอื่น


หุ้นไทยอาจได้ประโยชน์

นอกจากนี้ บล.กรุงศรี ชี้ว่า การหมุนเวียนของกระแสเงินทุนโลก เริ่มเปลี่ยนจากหุ้นเทคโนโลยี ไปสู่หุ้นคุณค่า (Value) ต่อเนื่อง เป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย และผสานเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4.5 ปี เป็นจิตวิทยาบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติด้วย

โดยธีมการลงทุนเด่น บล.กรุงศรี แนะนำ

  • หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า และราคาพลังงานลดลง ได้แก่ GULF, BGRIM, BA, AAV, IT, ADVANC, COM7
  • หุ้นได้ประโยชน์สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเดินหน้าเจรจาการค้าไทยเชิงรายละเอียดต่อ ได้แก่ AMATA, WHA, KBANK, KTB 
  • หุ้นได้ประโยชร์จากการเลือกตั้งไทย ได้แก่ CPALL, BDMS, MTC, PTTGC, GULF เป็นต้น


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ