
ราคาหุ้นของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ทะยานขึ้นไป ยืนเหนือระดับ 53 บาท (ณ วันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.) ได้อีกครั้ง และคงจะปรับตัวขึ้นไปตามลำดับ หลังจากคณะกรรมการบอร์ดของ ทอท.เห็นชอบการเจรจา เพื่อหาข้อยุติในการแก้ไขสัญญาระหว่างกันกับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ได้อย่างลงตัวทั้ง 5 สนามบิน โดยไม่ต้องเปิดประมูลใหม่
ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสององค์กรที่จะทำมาหารายได้ร่วมกันต่อไปพร้อมๆกับการพัฒนาสนามบินหลักๆของประเทศไทยให้รุดหน้าไปไกลโดยเฉพาะด้านการให้บริการได้เหมือนประเทศที่ได้รางวัลอันดับ 1 ในทุกๆปีอย่างสนามบินชางฮี ของสิงคโปร์ หรือเช็คแลปก๊อก ของฮ่องกง
การแก้ไขสัญญาให้คิง เพาเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่รับผิดชอบของ ทอท.ต่อไปทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่นั้น
เป็นไปเพื่อรักษาความสามารถในการให้บริการแก่ผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีระดับการให้บริการที่ดี มีสินค้าปลอดอากรอันเป็นบริการที่สำคัญจำหน่าย โดยที่ ทอท.ไม่ต้องไปเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีนไม่เดินทางมาประเทศไทย
จากจำนวนที่เคยเดินทางมาก่อนโควิด–19 กว่า 11 ล้านคน แต่ปีนี้กลับลดลงมากที่สุด โดยเหลือเพียง 4 ล้านกว่าคน เพราะมีกระแสข่าวร้ายๆออกมาซ้ำเติมตลอด หนำซ้ำนักท่องเที่ยวจีนที่มา ยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือด้วย
การยึดถือคติ “รวมกันเราอยู่” จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากที่ทำมาค้าขายร่วมกันมาหลาย 2 ทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ในการปรับลดรายได้ขั้นต่ำให้เหลือ 20% ตลอดอายุสัญญาที่เหลืออีก 5 ปี หรือจะหมดในปี 2573 พร้อมยืดอายุสัญญาร้านค้าปลอดอากรออกไปให้ 2 ปี ยังมีรายละเอียดหลักๆให้ต้องคุยกันอีกพอสมควร
เช่น ถ้าธุรกิจการบิน และการท่องเที่ยวกลับคืนสู่สภาวะปกติ โดยมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ทอท.ได้เจรจาให้ได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์เป็นเพิ่มอีก 35% ของมูลค่าซื้อต่อหัวผู้โดยสาร
ผู้อำนวยการ ทอท.คนใหม่ คุณปวีณา จริยฐิติพงศ์ ยืนยันว่าการปรับลดรายได้ขั้นต่ำจากที่คิง เพาเวอร์ เสนอให้ปีละ 15,419 ล้านบาท สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ได้ต่ำลงกว่าข้อเสนอของรายที่สองและสามที่ยื่นมา
ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอให้ผลประโยชน์ตอบแทนของกลุ่มกิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ กับล็อตเต้ 8,516 ล้านบาท หรือกิจการร่วมค้าจากค่ายโรงแรมเชอราตันที่เสนอให้ผลตอบแทนประโยชน์ขั้นต่ำปีละ 7,255 ล้านบาท
ก็ต้องขอขอบคุณเธออีกครั้งที่ทำให้ความเชื่อมั่นในสนามบินสุวรรณภูมิของ ทอท.กลับมาอีกครั้งในสายตาของนักลงทุนทั้งไทย และเทศ ในเวลาเดียวกันก็ช่วยเหลือให้ภาคเอกชนซึ่งร่วมหัวจมท้ายทำธุรกิจมาด้วยกันนานพอให้ทั้งคู่เติบใหญ่จนถึงวันนี้ สามารถเดินหน้าต่อไปได้
เอาจริงๆนะ ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า จู่ๆจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสที่เกือบจะล้างโลกด้วยการทำให้ธุรกิจทุกชนิดแทบล้มทั้งยืนกระทั่งผ่านมาหลายปีก็ยังแก้ไขกันไม่เสร็จ แถมยังทำให้เกิดหนี้อีกก้อนโตที่ต้องตามแก้กันต่อก็เพราะไวรัสเจ้าปัญหาอย่างโควิด-19 นี่แหละ.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม