ก.ล.ต. จ่อปรับเกณฑ์ “ออกหุ้นกู้” กันใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ OECD แนะ 5 แนวทางยกระดับตลาดทุนไทย

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ก.ล.ต. จ่อปรับเกณฑ์ “ออกหุ้นกู้” กันใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ OECD แนะ 5 แนวทางยกระดับตลาดทุนไทย

Date Time: 27 พ.ย. 2568 17:21 น.

Video

กลาง ธ.ค.ลุ้น! ฝนถล่มภาคใต้รอบใหม่ น้ำลดรอบนี้ต้องรีบทำอะไร? | Thairath Money Night Stand EP.26

Summary

หุ้นกู้ไทยมีข่าวให้หวั่นใจมาต่อเนื่อง ล่าสุดเคส JKN ก.ล.ต. ตอบว่าได้กล่าวโทษและดำเนินการเท่าที่ทำได้ แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเตรียมปรับเกณฑ์ออกหุ้นกู้ คาดว่าจะเห็นในเดือน ธ.ค. นี้

ตลาดทุนไทยอาจไม่ดึงดูดใจเหมือนในอดีต เพราะเจอทั้งตลาดหุ้นขาลง ไปจนถึงฝั่งหุ้นกู้มีเคสที่น่ากังวลออกมาต่อเนื่อง ทั้งข่าวคดีโกงหุ้น STARK การเลื่อนและการผิดนัดชำระหนี้จากหลายบริษัท หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กับข่าวลือการหายตัวไปต่างประเทศของ “แอน–จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” อดีตผู้บริหารสูงสุดของ JKN

เคสเหล่านี้ทำให้นักลงทุนเกิดคำถามว่า จะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นกู้หรือไม่ และหุ้นกู้ไทยยังน่าเชื่อถือแต่ไหน

ก.ล.ต. ตอบกรณี JKN - เตรียมแก้เกณฑ์ออกหุ้นกู้

พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวในงานประชุม OECD-Asia Roundtable on Corporate Governance 2025 โดยให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้ว่า ไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมามีเคสหุ้น STARK, EARTH จนถึง JKN ก็อยากให้มองถึงภาพรวมของบริษัทในตลาดทุนที่มีอีกกว่า 700 ว่าไม่เป็นข่าว แต่ต้องยอมรับว่าการสร้าง Trust and Confidence หรือความเชื่อมั่นไม่ง่าย ดังนั้น บทบาทของ ก.ล.ต. ยังคงหน้าที่สำคัญคือ เมื่อพบผู้กระทำผิด ก็ต้องเข้าจัดการบังคับใช้กฎหมายให้เร็วยิ่งขึ้น

สำหรับกรณี JKN ก.ล.ต. ดำเนินการกล่าวโทษไปแล้ว เช่น กรณีตกแต่งงบการเงินของบริษัทฯ แต่ส่วนในกรณีข่าวลือเรื่องที่ผู้บริหารหลบหนีไปนั้น เธอกล่าวว่า “ก.ล.ต. ไม่ได้มีอำนาจที่จะไปห้ามหรือว่าอะไรต่างๆ” และเล่าต่อว่าหลังการกล่าวโทษจะเดินหน้าตามกระบวนการทางกฎหมาย คือ ตำรวจ ส่งต่อไปที่อัยการ และไปที่ศาลต่อ ดังนั้น หน้าที่ของ ก.ล.ต. คือกล่าวโทษ และอำนวยข้อมูลให้กับตำรวจ “ซึ่งก็อยู่ในกระบวนการ”

ส่วนกรณีความกังวลต่อหุ้นกู้ในไทย ก.ล.ต. เตรียมปรับเกณฑ์การออกหุ้นกู้ เพื่อป้องกันการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ แม้ปัจจุบันจะมีการเปิดเผยวัตถุประสงค์อยู่แล้ว แต่ด้วยการทำธุรกิจอาจต้องปรับเปลี่ยน ดังนั้นถ้าจะปรับอะไร บริษัทฯ ต้องกลับไปขอมติใหม่หรือระบุเงื่อนไขไว้ในข้อกำหนดสิทธิ์ (Covenant) ให้ชัดเจน คาดว่าการปรับเกณฑ์นี้จะเห็นในเดือน ธ.ค. 68 และมีผลบังคับใช้ในไตรมาส 1/2569

นอกจากการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย ยังต้องเดินหน้าอีกหลายส่วน โดยสิ่งที่ ก.ล.ต. ทำได้นั้นคือ สร้างกลไกป้องกัน เช่น Corporate Governance Gate (CG Gate) จะทำอย่างไรให้บอร์ดบริษัท, Gate Keeper (เช่น FA Audit) ทำหน้าที่ของตนเอง แต่ ก.ล.ต. ยังต้องเป็นด่านสุดท้ายเพื่อคัดกรอง ถ้าพบว่ามีบริษัทในตลาดทุนกระทำความผิดก็จะลงโทษตามกฎหมาย หรือใช้มาตรการทางแพ่งที่สามารถทำให้เห็นผลได้รวดเร็วกว่าส่วนอื่น

5 เรื่องที่ตลาดทุนไทยต้องเร่งยกระดับ

เมื่อตลาดทุนไทยยังต้องเจอความท้าทายอีกหลายด้าน หนึ่งในสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญคือ Corporate Governance หรือการกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ของบริษัทจดทะเบียนในไทย นำสู่การจัดประชุม OECD-Asia Roundtable on Corporate Governance 2025 ที่มีความร่วมมือจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ ก.ล.ต.

เบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ธรรมาภิบาลที่ดีมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะการสร้างตลาดทุนที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทยของนักลงทุน และช่วยเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสู่ประเทศไทย

ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการเปิดตัวรายงานการศึกษาทบทวนตลาดทุนไทย (OECD Capital Market Review of Thailand 2025) ซึ่งทาง OECD มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการเสริมสร้างระบบนิเวศตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ได้แก่

1. ยกระดับด้านบรรษัทภิบาลและความโปร่งใส (Enhancing Corporate Governance and Transparency) : ผู้มีส่วนร่วมในตลาดทุนต้องมีบทบาทและความรับผิดชอบมากขึ้น ปรับปรุงคู่มือการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Code) และแนวปฏิบัติที่ดีในการเปิดเผยข้อมูล และเสริมสร้างความเป็นอิสระของคณะกรรมการบริษัท รวมทั้งพัฒนาการกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกันและการคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อย

2. ส่งเสริมการเข้าถึงและสภาพคล่องในตลาดทุน (Boosting Stock Market Access and Liquidity) : เสนอให้มีการปรับขั้นตอนการอนุมัติ IPO ให้กระชับขึ้น อำนวยความสะดวกในการเสนอขายหุ้นในตลาดรอง (secondary offerings) และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ผ่านตลาดหลักทรัพย์ mai และ LiVEx รวมทั้งสนับสนุนงานวิจัยตลาดทุน

3. สนับสนุนการระดมทุนระยะยาวอย่างยั่งยืน (Long-Term and Sustainable Financing) ส่งเสริมการระดมทุนด้วยตราสารหนี้ภาคเอกชน ซึ่งรวมถึงตราสารเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน พร้อมทั้งปรับปรุงขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติผู้ลงทุนเพื่อเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น

4. ยกระดับการระดมทุนของภาคเอกชน (Mobilizing Private Capital Markets) : ส่งเสริมการลงทุนผ่านธุรกิจจัดการร่วมลงทุน (venture capital) และกิจการเงินร่วมลงทุน (private equity: PE) ปรับปรุงโครงสร้างกองทุนและการเสนอขายหลักทรัพย์แก่กรรมการหรือพนักงานบริษัทจดทะเบียน (ESOP) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสนับสนุนธุรกิจใหม่

5. การขยายฐานนักลงทุนและเสริมสร้างเงินออมภาคครัวเรือน (Deepening the Investor Base and Strengthening Household Savings) : OECD เสนอแนะให้มีการออกแบบโครงการออมเงินโดยขยายความคุ้มครองของเงินบำนาญ เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ลงทุนสถาบันในตลาดทุน และส่งเสริมความรู้และทักษะด้านการเงินแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ตลาดทุนไทย เป็นทั้งแหล่งระดมทุนให้ภาคธุรกิจ และเป็นพื้นที่ให้นักลงทุนมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทน แต่จากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจต้องเริ่มตั้งคำถามว่าช่องโหว่ที่สร้างผลกระทบในวงกว้างเกิดขึ้นที่ตรงไหน และหน่วยงานผู้กำกับดูแลจะอุดรูรั่วนั้นอย่างไรให้ได้ผลรอบด้าน


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ