หุ้นเทคฯ แดนมังกรผงาด บางกลุ่มแซงสหรัฐฯ แล้ว! ส่องโอกาสลงทุน ChiNext 50 ผ่าน DR ในตลาดหุ้นไทย

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้นเทคฯ แดนมังกรผงาด บางกลุ่มแซงสหรัฐฯ แล้ว! ส่องโอกาสลงทุน ChiNext 50 ผ่าน DR ในตลาดหุ้นไทย

Date Time: 25 พ.ย. 2568 16:18 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

จีนผงาดเป็นผู้นำในหลายอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ ทำให้ตลาดหุ้นเริ่มน่าสนใจ ล่าสุด InnovestX ออก DR ชื่อ CHNXT5023 อ้างอิงดัชนี ChiNext 50 รวม 50 หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ลงทุนง่ายผ่านกระดานหุ้นไทย

Latest


ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก การแข่งขันทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็ทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจีนในฐานะ "มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ" ไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้อีกต่อไป

แม้แต่นักการเมืองระดับสูงของสหรัฐฯ อย่าง Marco Rubio ยังเคยยอมรับว่า “สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นผู้นำเดี่ยวของโลกอีกแล้ว และจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญอย่างเต็มตัว”

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหลายภาคอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อน "เศรษฐกิจใหม่" ของจีน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า, พลังงานสะอาด, และ AI Robotic ก็ได้ก้าวขึ้นมานำหน้าโลกไปแล้ว ทำให้การมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นจีนจึงเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ

ซึ่งล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ก็ได้นำเสนอ DR ใหม่ที่เน้นการจับโอกาสนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ CHNXT5023 ซึ่งอ้างอิงกับ ดัชนี ChiNext 50 ที่รวมเอา 50 บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน ที่กำลังเติบโตสูงและสอดคล้องกับเมกะเทรนด์นี้

Thairath Money พาเจาะลึกพร้อมตอบคำถามว่า “ทำไมเราจึงควรหันมามองตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง” และ CHNXT5023 จะพาเราไปลงทุนในส่วนไหนของ "มังกรที่กำลังผงาด" นี้


“เศรษฐกิจจีน” มหาอำนาจที่เติบโตด้วยนวัตกรรม

ดร. รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ Head of Investment Strategy & Head of Trading Product Specialist บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ได้ให้มุมเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างเทคโนโลยีจีนและเทคโนโลยีสหรัฐฯ ว่าในภาพรวมใหญ่ของการแข่งขันเทคโนโลยีระดับโลกนั้น แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีของจีนได้พัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมาก

แม้จีนจะยังตามหลังสหรัฐฯ ในภาพรวม แต่มีบางอุตสาหกรรมที่จีนได้ก้าวขึ้นมานำหน้าหรือแซงหน้าสหรัฐฯ ไปแล้ว โดยกลุ่มที่จีนเป็นเจ้าตลาดและมีความเป็นผู้นำ ได้แก่ ด้านหุ่นยนต์และฮาร์ดแวร์, ยานยนต์ไฟฟ้า, พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีเกี่ยวเนื่องกับ EV และ AI Robotic เป็นต้น

นอกจากความเป็นผู้นำในบางเซกเตอร์แล้ว ตลาดหุ้นจีนที่เน้นเทคโนโลยีและเศรษฐกิจใหม่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดสหรัฐฯ ด้วย ดัชนี ChiNext 50 ของจีนในปีนี้ บวกไปถึง 20%

ซึ่งถือว่าเหนือกว่า ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ และยังเหนือกว่าดัชนี CSI 300 อีกด้วย สะท้อนให้เห็นถึงพลังการเติบโตและศักยภาพของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 50 ตัวของจีนที่เน้นไปในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ดร.รัฐศรัณย์ กล่าวอีกว่า หากมองในมิติทางเศรษฐกิจ ปัจจุบัน GDP ของจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 17% ของ GDP โลก เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากระดับเพียง 4% ในอดีต

ในขณะที่เศรษฐกิจจีนโดยภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดี โดยคาดการณ์การเติบโตในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งเป็นระดับที่ช่วยเกื้อหนุนภาพรวมของตลาดหุ้นจีน แม้ไม่ได้เติบโตเป็นเลขสองหลักเหมือนในอดีต

และสิ่งที่ตอกย้ำถึงทิศทางที่ชัดเจนของประเทศ คือ นโยบายการสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในการประชุมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงคำสำคัญในด้าน เทคโนโลยี นวัตกรรม การศึกษา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 15 

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ก็พร้อมที่จะสนับสนุนสภาพคล่องผ่านนโยบายการเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่คล้ายคลึงกับ QE ของสหรัฐฯ หรือการเข้าซื้อ ETF เมื่อจำเป็น เพื่อช่วยพยุงภาพรวมของตลาดหุ้นจีน


“โอกาสตลาดหุ้นจีน” ทั่วโลกกำลังกลับมามอง

ดร.รัฐศรัณย์ กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น ตลาดหุ้นจีนกลับยังมีมูลค่าตลาดคิดเป็นเพียง 3% ของมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกเท่านั้น ในขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วน GDP โลกประมาณ 26% แต่มีมูลค่าตลาดหุ้นสูงถึง 65% ของโลก

จึงเป็นสัญญาณว่าตลาดหุ้นจีนนั้นยัง "Under-owned" หรือถูกถือครองโดยนักลงทุนสถาบันน้อยเกินไป ซึ่งหมายถึงโอกาสในการค่อยๆ เพิ่มความสำคัญในฐานะสินทรัพย์ลงทุนหลักของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกในอนาคต

ขณะเดียวกัน สัญญาณการไหลกลับของเงินลงทุนจากต่างชาติก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน หากพิจารณา Flow ที่ไหลเข้ากองทุน MSCI China ETF ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วมาจนถึงต้นปีนี้ จะเห็นว่าเม็ดเงินมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งแตกต่างจากทิศทางของ MSCI EM EX China ที่ลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงกระแสของ Fund Flow ที่เงินกลับมาไหลเข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มขึ้น

นอกจากเม็ดเงินจากต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามาแล้ว นักลงทุนในประเทศจีนเองก็มีมุมมองที่เป็น "Bullish" ต่อภาพรวมของหุ้นจีนอย่างมาก สัญญาณเหล่านี้ตอกย้ำว่าตลาดหุ้นจีนกำลังกลับมามีความน่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง


ทำไมต้อง "ChiNext 50" เจาะลึก 50 หุ้นเทคที่เติบโตสูง

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจแบบเก่าไปสู่เศรษฐกิจใหม่ InnovestX  จึงได้นำตัว DR ที่อิงกับ Invesco Great Wall ChiNext 50 ETF (159682) ซึ่งเป็นกองทุน ETF  (บริหารจัดการโดย บลจ. Invesco Great Wall) ที่ลงทุนตามดัชนี SZSE ChiNext 50 มาออกเสนอขาย

ซึ่งดัชนี ChiNext 50 ถูกออกแบบมาเพื่อจับโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า, สุขภาพ และระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งจีนถือเป็นผู้นำระดับโลก

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี ChiNext 50 นั้น มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ฉบับที่ 15 สูงถึง 90% ซึ่งเป็นนัยยะสำคัญว่ากลุ่มบริษัทเหล่านี้มีศักยภาพสูงที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีใน 5 ปีข้างหน้า

สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ ซึ่งคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทในดัชนี ChiNext 50 จะเติบโตสูงถึง 36% ในปีนี้ และยังคงเติบโตใกล้เคียงที่ 30% ในปีหน้า

และแม้จะมีอัตราการเติบโตสูง แต่ ณ ปัจจุบัน P/E ของ ChiNext 50 ETF อยู่ที่ประมาณ 25-26 เท่า เมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตดังกล่าว ทำให้ อัตราส่วน PEG (PE to Growth) อยู่ต่ำกว่า 1 ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจอย่างมากในแง่ของมูลค่า

นักลงทุนที่สนใจลงทุนไปกับการเติบโตดังกล่าว สามารถลงทุนได้แล้สในกระดานหุ้นไทย ผ่าน “CHNXT5023” ซึ่งเป็น DR ตัวแรกที่อ้างอิงกับ ETF ที่เน้นดัชนี ChiNext 50 ในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น

เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้เข้าถึงแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ ที่กำลังก้าวล้ำทางเทคโนโลยีและมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน ซึ่งเป็นมิติที่น่าสนใจในภูมิทัศน์การลงทุนโลกปัจจุบัน


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ