เปิดใจ รองผู้จัดการ ตลท. วิกฤติหุ้น IPO ต่ำจอง ย้ำไม่ใช่การแสวงกำไรข้ามคืน คาดปี 2569 ตลาดฟื้น

สรวิศ ไกรฤกษ์ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่ามูลค่าการระดมทุนผ่าน IPO ในช่วงที่ผ่านมาลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ไม่คึกคัก จนทำให้หลายบริษัทต้องชะลอหรือยกเลิกแผนการเข้าตลาด

อย่างไรก็ดี ตลท. ยืนยันว่า กระบวนการกำหนดราคา IPO ยังคงใช้หลักการสากล ดังนั้น การที่ราคาหุ้นต่ำกว่าจองในตลาดรอง มองว่าจึงเกิดจากแรงกดดันของ Sentiment ตลาด ซึ่งไม่ได้สะท้อนว่ามีการตั้งราคาที่สูงเกินไป

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย ตลท. กำลังเร่งจัดทำแผนงานเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับทั้งบริษัทจดทะเบียนและ IPO ใหม่ ๆ รวมถึงคาดการณ์ว่า ตลาด IPO จะกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2569 โดยหวังเห็นบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาระดมทุนอย่างน้อย 1-2 ราย เพื่อเพิ่มความคึกคักให้กับตลาดทุน

ยอมรับมูลค่า IPO ลดลงมาก สะท้อนภาวะตลาดรวม

สรวิศ ไกรฤกษ์ กล่าวว่า แนวโน้มมูลค่าการเสนอขาย IPO ได้ลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าเสนอขายรวมในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท สำหรับ 17 บริษัท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากจากช่วงปี 2558-2561 ที่มูลค่าเสนอขายต่อปีเคยสูงถึงหลักแสนล้านบาท

ภาวะตลาด IPO นั้นมีความผูกพันอย่างยิ่งกับภาวะตลาดโดยรวม ในช่วงตลาดขาขึ้นที่ดัชนีและปริมาณซื้อขายสูง บริษัทก็จะต้องการระดมทุนในราคาที่สูงเพื่อนำเม็ดเงินไปลงทุนตามแผนธุรกิจ

แต่เมื่อ 2 ปีหลังมานี้ สภาพเศรษฐกิจและตลาดไม่คึกคัก ทำให้หลายบริษัทต้องชะลอแผน IPO หรือยกเลิกการเสนอขายไปเลย เนื่องจากเม็ดเงินที่ได้อาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังเดิมที่เคยตั้งไว้บนพื้นฐานของตลาดเมื่อ 3-4 ปีก่อน

กระบวนการกำหนดราคา IPO เป็นไปตามหลักสากล

เมื่อถูกถามถึงกลไกการกำหนดราคาหุ้น IPO ที่อาจทำให้ราคาต่ำจอง สรวิศ ยืนยันว่า วิธีการกำหนดราคาในปัจจุบัน เป็นวิธีที่ปฏิบัติกันมานานและเป็นหลักสากลที่ดำเนินการกันในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก โดยมีหลักการใหญ่ 2 วิธี ได้แก่

1. วิธีการ Book Building ใช้สำหรับการตั้งราคาเพื่อเสนอขายไอพีโอที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบัน เพื่อให้สถาบันประมูลออเดอร์เข้ามา และผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) จะประเมินราคาที่เหมาะสมที่สุด

2. การเปรียบเทียบ P/E มักใช้สำหรับบริษัทขนาดกลาง-เล็ก โดยการเปรียบเทียบอัตราส่วน P/E ของบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนกับคู่แข่งหรือบริษัทเทียบเคียงในอุตสาหกรรม ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกเปิดเผยให้นักลงทุนรับทราบอย่างชัดเจน

ดังนั้น ราคาที่ได้มา ณ จุด IPO จึงถือเป็นราคาที่เหมาะสม (Fair Price) ไม่ว่าราคาตลาดในภายหลังจะขึ้นหรือลงก็ตาม

ตลท. เร่งสร้างความน่าสนใจหุ้น IPO

รองผู้จัดการ ตลท. ย้ำถึงเป้าหมายสำคัญในการทำให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมี ความสามารถในการแข่งขัน (competitive) โดยกำลังเตรียมแผนงาน (Action Plan) เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับทั้งบริษัทที่จดทะเบียนอยู่แล้วและ IPO ที่กำลังจะเข้าตลาด

นอกจากนี้ ตลท. จะต้องทำงานร่วมกับสมาคมต่าง ๆ เพื่อสื่อสารให้นักลงทุนเข้าใจว่า การลงทุนใน IPO ไม่ใช่การแสวงหากำไรข้ามคืน แต่เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและวิเคราะห์รายละเอียดของบริษัทอย่างรอบด้าน ทั้งแผนธุรกิจ ผลประกอบการ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร เพื่อเลือกบริษัทที่น่าสนใจ

ส่วนแนวโน้มการเสนอขาย IPO ในปี 2569 น่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างชัดเจน จากปีนี้มูลค่าเสนอขายรวมอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท จากบริษัท 17 แห่ง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ตลท. คาดการณ์ว่าปีหน้าน่าจะเป็นช่วง "ขาขึ้น" ของ IPO

หากพิจารณาด้านจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียน คาดหวังว่าจะมีจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนมากกว่าปีนี้แน่นอน ส่วนในด้านมูลค่า ตลท. หวังว่าจะมี บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนอย่างน้อย 1-2 ตัว โดยมีบริษัทขนาดใหญ่ 1 แห่งที่อยู่ในระบบ และอยู่ระหว่างรอการเสนอขาย ส่วนอีก 1 แห่ง ตลท. คาดหวังว่าจะยื่นไฟลิ่งเข้ามาในช่วงปีหน้า

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มสีสันและความน่าสนใจของตลาด รวมถึงเพิ่มอุปทาน ตลท. กำลังผลักดันโครงการที่มุ่งเน้นการดึงดูดผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ธุรกิจที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือผู้ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้วย

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney