เมื่อราคาหุ้น CPALL ร่วงเกิน 20% จากต้นปี ถึงกำไรโต ขยายสาขาต่อเนื่อง มีปันผล ควรซื้อต่อไหม?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เมื่อราคาหุ้น CPALL ร่วงเกิน 20% จากต้นปี ถึงกำไรโต ขยายสาขาต่อเนื่อง มีปันผล ควรซื้อต่อไหม?

Date Time: 13 พ.ย. 2568 16:57 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

CPALL มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 6,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% จากปีก่อน

  • รายได้รวมเพิ่มขึ้น 3.9% จากการขยายสาขา 7-Eleven และธุรกิจอื่นๆ
  • ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 7-Eleven ลดลง 0.5% ในไตรมาส 3
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 80 บาท
  • ราคาหุ้น CPALL ลดลงจากต้นปี, นักวิเคราะห์มองเป็นโอกาสลงทุนระยะยาว

Latest


สถานการณ์หุ้น CPALL หรือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ 7-Eleven ที่เราคุ้นเคยกันดี ปัจจุบันราคาหุ้นอาจสร้างความกังวลให้นักลงทุนอยู่ไม่น้อย วันนี้ปิดที่ 44.50 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2568 ราคาได้ปรับตัวลดลงถึง 11.25 บาท หรือคิดเป็นการติดลบถึง 20.17%

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ดูจะสวนทางกับความแข็งแกร่งของธุรกิจ 7-Eleven ที่เรายังคงเห็นการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะงบการเงินไตรมาส 3 ปี 2568 ที่บริษัทเพิ่งประกาศออกมานั้น มีกำไรเติบโตถึง 17%

คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือนักลงทุนที่กำลังสนใจเข้าซื้อ หรือมีหุ้นอยู่ในพอร์ตควรทำอย่างไร นี่เป็นโอกาสลงทุนในระยะยาวหรือไม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทายเช่นนี้


ไตรมาส 3/68 กำไรโตแรง 17% รับการขยายสาขา

หากมาดูงบไตรมาส 3 ปี 2568 ที่บริษัทเพิ่งประกาศออกมานั้น ต้องบอกว่า "กำไรสวย" บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 17.6%  เลยทีเดียว

ในขณะที่รายได้รวมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อยู่ที่ 250,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% โดยรายได้โตมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven) ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก (อย่าง CPAXT) และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ 

แต่ประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตามองและอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนกังวล อยู่ตรง "ยอดขายสาขาเดิม" (Same-Store Sales Growth หรือ SSSG) ของธุรกิจ 7-Eleven ที่ในไตรมาส 3 นี้ SSSG ของ 7-Eleven ลดลง 0.5% 

ทาง CPALL อธิบายว่า สาเหตุที่ SSSG ลดลง มาจากปัจจัยเรื่องฤดูกาลที่กระทบการเดินทางในประเทศ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงด้วย 

แล้วกำไรโตมาจากไหน คำตอบคือ แม้สาขาเดิมจะซบเซาไปบ้าง แต่ CPALL ใช้กลยุทธ์ "การขยายสาขา" อย่างต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ไตรมาสเดียว เปิดร้าน 7-Eleven ใหม่อีก 169 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส มีร้านทั่วประเทศรวม 15,764 สาขาแล้ว  พอสาขาใหม่เยอะขึ้น รายได้รวมก็เลยโต

อีกปัจจัยสำคัญคือ "อัตรากำไรขั้นต้น" (GPM) ที่ทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะใน 7-Eleven ที่ GPM ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 29.4% (จาก 29.1% ปีก่อน) เพราะบริษัทเน้นกลยุทธ์การขายสินค้ามาร์จิ้นสูง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ที่ยังเป็นพระเอกทำรายได้หลัก (สัดส่วน 76.5% ของยอดขาย)


นักวิเคราะห์ฯ ชี้ “ถือยาวได้” ให้เป้าสูงสุด 80 บาท

แม้ว่าราคาหุ้น CPALL ในปัจจุบันจะปรับตัวลดลงจากต้นปีมามากแล้ว จนทำให้นักลงทุนหลายคนกังวล แต่ในมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้คือ "โอกาส" ในการลงทุนระยะยาว เมื่อดูข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน พบว่ามีนักวิเคราะห์เชียร์ “ซื้อ” ทั้งหมด 19 สำนัก ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 80 บาท และต่ำสุด 54 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ความเห็นกับ Thairath Money ว่า กำไรไตรมาส 3/68 ออกมาสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทยังได้เปรียบเชิงธุรกิจจากมีร้านสะดวกซื้อที่ยังมีโมเมนตัมในการเติบโตต่อได้

แม้ว่าตัวเลขยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะลดลง แต่การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจะทำให้ยอดขายเติบโตได้ ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ส่งผลให้ในภาพรวมสามารถชดเชยและทำให้ผลประกอบการเติบโต

สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาจากต้นปีค่อนข้างมากนั้น ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากภาวะตลาดหุ้นไทย เพราะหากดูในแง่ผลประกอบการแล้วยังมีการเติบโตได้ แต่เมื่อดัชนีตลาดหุ้นไทยโดนปรับลดน้ำหนักลงมา และมีเม็ดเงินไหลออก CPALL ก็ถูกแรงเทขายด้วย เนื่องจากเป็นหุ้นขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในปัจจุบันอาจไม่โดดเด่นเท่าในอดีตที่ในรอบ 1 ปี อยู่สูงกว่า 45% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีการบริโภคอ่อนแอ ทำให้ราคาปรับตัวลดลงมาเรื่อยๆ สอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม CPALL ยังมีปัจจัยลบเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นในอดีตกดดันราคาหุ้นด้วย อย่างเรื่องการเข้าซื้อโครงการ “The Happitat” หรือข่าวลือการเข้าซื้อ Seven & i แม้ปัจจุบันจะมีความชัดเจน แต่ราคาหุ้นได้สร้างฐานใหม่ที่ระดับปัจจุบันไปแล้ว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการเชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้ทั้งในไตรมาส 4/68 และปี 2569 ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” และเชื่อว่าเป็น “หุ้นที่ปลอดภัย” ในกลุ่มอุตสาหกรรม และสามารถถือได้ในระยะยาว

“แม้ราคาหุ้นจะยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก แต่การลงทุนในระยะยาวยังได้ผลตอบแทนจากปันผลอยู่ หากเชื่อว่าไซเคิลของเศรษฐกิจจะกลับมา CPALL จะเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์โดยตรง” นักวิเคราะห์ฯ กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า กำไรไตรมาส 3/68 สูงกว่าที่ประมาณการไว้ 4% และสูงกว่า Bloomberg Consensus 2% จากการเติบโตของยอดขาย 4% ซึ่งมาจากการขยายสาขารวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ขยายตัวเป็น 22.8% โดยได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีของยอดขายอาหารพร้อมทาน

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 80 บาท จากการเติบโตของกำไรที่ชัดเจนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงความสามารถในการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในระยะยาว โดยให้ CPALL เป็นหุ้น Top pick สำหรับกลุ่มค้าปลีก

ส่วนบล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/68 ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ โดยการเติบโตหนุนจากการขยายสาขา และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม(SSSG) ของ 7-Eleven จะลดลง 0.5% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น

แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าพร้อมทานและสินค้าพร้อมดื่ม และการบริโภคภาพรวมที่ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 68.00 บาท


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ