“เอ็มเค-ตี๋น้อย” กำไรวูบ รับสงครามราคา! บุฟเฟต์แข่งเดือด ศึกนี้อาจไม่มีผู้ชนะ?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“เอ็มเค-ตี๋น้อย” กำไรวูบ รับสงครามราคา! บุฟเฟต์แข่งเดือด ศึกนี้อาจไม่มีผู้ชนะ?

Date Time: 13 พ.ย. 2568 12:21 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

"สงครามหม้อสุกี้" ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ทำยักษ์ใหญ่ทั้งสองค่าย “เอ็มเค-ตี๋น้อย” กำไรหดตัวลงพร้อมกัน Thairath Money ชวนเปิดมุมมองการลงทุน เมื่อเกมราคา...ไม่คุ้มกำไร

Latest


"สงครามหม้อสุกี้" ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ดูเหมือนจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่ได้รับประทานบุฟเฟต์ราคาประหยัด แต่ในทางกลับกัน มันอาจกำลังกลายเป็นฝันร้ายของผู้ประกอบการ

ล่าสุดงบการเงินได้ส่งสัญญาณเตือน เมื่อยักษ์ใหญ่ทั้งสองค่ายทั้ง "เจ้าตลาดเดิม" อย่างเอ็มเค และ "ผู้ท้าชิงที่เติบโตเร็ว" อย่างสุกี้ตี๋น้อยต่างมีกำไรที่หดตัวลงพร้อมกัน

โดย 9 เดือนแรกของปี 2568 "เอ็มเค" (หุ้น M) เห็นกำไรสุทธิเหลือเพียง 735 ล้านบาท หายไปจากปีก่อนถึง -32.4% ขณะที่ "สุกี้ตี๋น้อย" แม้กำไร 9 เดือนจะยังนำอยู่ที่ 803 ล้านบาท แต่ก็ลดลง -9.77% เช่นกัน

และที่น่าจับตามองยิ่งกว่าคือตัวเลขเฉพาะไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงครามราคาปะทุขึ้นอย่างแท้จริง สะท้อนว่าเกมลดราคานี้...อาจไม่มีใครเป็นผู้ชนะที่แท้จริง Thairath Money ชวนเปิดมุมมองการลงทุน เมื่อเกมราคา...อาจไม่คุ้มกำไร


แข่งราคา-ตลาดบุฟเฟ่ต์เดือด! ทำกำไรสองยักษ์สุกี้วูบหนัก

หากจะพูดถึงตลาดร้านอาหารที่ "เดือด" ที่สุดในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นตลาดสุกี้และชาบู ที่กลายเป็นสมรภูมิ Red Ocean ไปแล้วอย่างสมบูรณ์ และเมื่อยักษ์ใหญ่ในตลาดลงมาเล่นสงครามราคากันอย่างเต็มตัว ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดก็ย่อมหนีไม่พ้นผลกำไรที่ลดลง

งบการเงินไตรมาส 3 และผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 ล่าสุดได้ตอกย้ำภาพที่ชัดเจนขึ้น เมื่อทั้ง "เจ้าตลาดเดิม" อย่างเอ็มเค และ "ผู้ท้าชิงที่เติบโตเร็ว" อย่างสุกี้ตี๋น้อย ต่างก็มีผลกำไรที่หดตัวลงทั้งคู่

เมื่อดูผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 จะเห็นสัญญาณที่น่าสนใจ

ฝั่งบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น M มีกำไรสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 735 ล้านบาท ถือเป็นการลดลงอย่างหนัก -32.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เคยทำได้ 1,088 ล้านบาท

ขณะที่สุกี้ตี๋น้อย ภายใต้บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด มีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 803 ล้านบาท ลดลง -9.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 890 ล้านบาท

แม้ในภาพรวม 9 เดือน กำไรของตี๋น้อยจะยังสูงกว่า MK แต่สิ่งที่น่าจับตามองอย่างคือตัวเลขเฉพาะไตรมาส 3 (มิถุนายน-กันยายน) ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดแข่งขันกันรุนแรงที่สุด ปรากฏว่ากำไรของทั้งสองแบรนด์แทบจะหายใจรดต้นคอกัน

โดย เอ็มเค มีกำไรไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 226 ล้านบาท ลดลง -33.7% ขณะที่สุกี้ตี๋น้อย มีกำไรไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 221 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับกำไรที่กลับมาอยู่ต่ำกว่าเอ็มเคอีกครั้ง


"สงครามราคา" คือผู้ร้ายตัวจริง ?

สถานการณ์นี้เห็นได้ชัดเจนจาก สิ่งที่เอ็มเคกำลังเผชิญในไตรมาส 3/2568 แม้รายได้จากการขายและบริการจะเพิ่มขึ้น 5.5% ซึ่งหมายความว่าโปรโมชั่นบุฟเฟต์ 299 บาท สามารถดึงดูดลูกค้าได้สำเร็จ แต่ "กำไรขั้นต้น" กลับลดลง 

ซึ่งสาเหตุหลักที่กำไรขั้นต้นหดตัวทั้งที่ยอดขายเพิ่มขึ้น ก็คือตัว "โปรโมชั่นบุฟเฟต์" เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า "อัตรากำไรขั้นต้น" (Gross Profit Margin) ของเอ็มเคลดลงจาก 67.8% ในไตรมาส 3 ปี 2567 เหลือเพียง 63.9% ในไตรมาส 3 ปี 2568 พูดง่ายๆ คือ แม้คนจะเข้าร้านเยอะขึ้น แต่ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาขายที่ถูกลงได้กัดกร่อนกำไรส่วนใหญ่ไปจนหมด


เปิดมุมมองการลงทุน เมื่อเกมราคา...ไม่คุ้มกำไร?

การแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดนี้ อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรของผู้เล่นทั้งสองรายลดลง แม้ว่าโปรโมชั่นจะช่วยดึงดูดลูกค้าและเพิ่ม "รายได้" ใก็ตาม แต่มันก็ต้องแลกมาด้วย "อัตรากำไร" ที่บางลง

บทวิเคราะห์จาก บล.กรุงศรี ระบุว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 ของ M นั้นอ่อนตัวกว่าคาด แม้ว่ากลยุทธ์บุฟเฟต์จะช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตได้จริง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยมาร์จิ้นหรืออัตรากำไรที่หดตัวลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเปิดสาขาใหม่

แรงกดดันจากมาร์จิ้นนี้ มาจากทั้งการทำบุฟเฟต์ในแบรนด์หลัก MK Suki, การขยายสาขาแบรนด์ Bonus Suki และการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่ง ทั้งหมดนี้สร้างความเสี่ยงเชิงลบต่อประมาณการกำไรในอนาคต

นอกจากนี้ ตลาดอาจตอบรับความคาดหวังไปมากแล้ว โดยราคาหุ้น M ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่หันมาลุยตลาดบุฟเฟต์เต็มตัว ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 25 เท่า จึงปรับลดคำแนะนำเหลือ "Neutral" (ถือ) ที่ราคาเป้าหมาย จากเดิมที่แนะนำซื้อ

สำหรับ สุกี้ตี๋น้อย แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่สนใจ ก็สามารถลงทุน "ทางอ้อม" ได้ผ่าน หุ้น JMART หรือ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นใน "สุกี้ตี๋น้อย" (บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด) อยู่ในสัดส่วน 30% 

ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2568 เครือตี๋น้อยมีสาขารวม 96 แห่ง (แบ่งเป็น Suki Teenoi 86 สาขา, Teenoi BBQ 7 สาขา และ Teenoi Gold 1 สาขา) โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่ "สุกี้ตี๋น้อย" ทำกำไรสุทธิ 803 ล้านบาท JMART ก็ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 30% นี้เป็นจำนวน 241 ล้านบาท 

การถือนี้ไม่ใช่แค่การลงทุนทางการเงิน แต่ยังมีการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันในกลุ่มเจมาร์ท เช่น การใช้คะแนนสะสมแลกบุฟเฟต์ หรือการแจก Gift Voucher ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Synergy) มากกว่าแค่การถือหุ้นเฉยๆ


แม้ที่ผ่านมาการเติบโตของรายได้บริษัทกลุ่มนี้อาจดูน่าดึงดูด แต่ "สงครามราคา" ที่เกิดขึ้นได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถกดดันอัตรากำไรได้อย่างรวดเร็ว  นักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูล กลยุทธ์ของแต่ละบริษัท และประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ ก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ เสมอ…

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ