
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ โหวตเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว
บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกกลับมาสดใสอีกครั้ง หลังจากที่ประเด็นการปิดหน่วยงานภาครัฐ หรือ “Government Shutdown” ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งยืดเยื้อและสร้างแรงกดดันต่อภาพรวมการลงทุนมานานกว่า 41 วัน
ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณคลี่คลายลงอย่างชัดเจนในสัปดาห์นี้ และได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างพากันปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ไม่เพียงเฉพาะในสหรัฐฯ แต่ยังรวมถึงตลาดยุโรปและตลาดหุ้นไทยด้วย
โดยภาพความเคลื่อนไหวสะท้อนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย
ในขณะที่ตลาดฝั่งยุโรปก็ขานรับข่าวดีเช่นกัน โดยดัชนี DAX (เยอรมนี) ปิดบวก 1.65%, CAC40 (ฝรั่งเศส) เพิ่มขึ้น 1.32%, IBEX35 (สเปน) เพิ่มขึ้น 1.77% และ Euro Stoxx 50 ปรับตัวขึ้น 1.71%
ส่วนตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 11.55 น. ดัชนี SET Index เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1,304.19 จุด ลดลง -2.07 จุด หรือ -0.16% ด้วยปริมาณการซื้อขาย 9,011.70 ล้านบาท
ด้านมุมมองของนักวิเคราะห์ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า ปัจจัยหนุนหลักมาจากการที่ตลาดหุ้นโลกดีดตัวแรง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ หลังมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในวอชิงตันเกี่ยวกับ Government Shutdown
โดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติขั้นต้น (Procedural Vote หรือ Test Vote) ด้วยคะแนนเสียง 60 ต่อ 40 "เห็นชอบ" ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งสร้างความหวังว่าจะสามารถยุติการปิดรัฐบาลได้ภายในสัปดาห์นี้
กสิกรไทย มองบวกจากข่าวสหรัฐฯ หนุนหุ้นอิเล็กทรอนิกส์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ระบุว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรง มาจากข่าวดีเรื่อง Government Shutdown ที่ดูเหมือนจะใกล้จบลงในสัปดาห์นี้
และข่าวดีจากสหรัฐฯ นี้จะส่งผลบวก (sentiment) มาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย โดยกสิกรคาดว่าดัชนี SET วันนี้จะค่อยๆ ขยับขึ้นในกรอบ 1,305-1,320 จุด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจโลก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกไป
เอเซีย พลัส ชี้ระยะยาวยังน่าห่วง ส่วนไทยยังกังวลน้ำท่วม-กัมพูชา
ด้านฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส ก็มองตรงกันว่าตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวแรง หลังมีการทดสอบเสียงโหวตวุฒิสภาสหรัฐฯ "เห็นชอบ" 60 ต่อ 40 เสียง เพื่อเดินหน้ายุติ Government Shutdown
แต่นี่อาจเป็นเพียงข่าวดีใน "ระยะสั้น" เท่านั้น เพราะในระยะยาวยังน่ากังวล โดยเฉพาะฐานะการคลังของสหรัฐฯ ที่น่าเป็นห่วง (ขาดดุลงบประมาณสูงถึง 6.9% และหนี้สาธารณะเกิน 120% ของ GDP) และยังมีประเด็นที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะนำเงินภาษีไปแจกคนละ 2,000 ดอลลาร์ ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าศาลฎีกาจะอนุมัติหรือไม่
ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบเฉพาะตัว ทั้งเรื่องน้ำท่วมและข้อพิพาทกับกัมพูชา ที่ยังกดดันให้ต่างชาติขายหุ้นไทยอยู่ พร้อมแนะนำถือเงินสดบางส่วน เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองข่าวสหรัฐฯ เป็น "ตัวช่วย" ประคองตลาดไทย
ขณะที่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นไทยเองยังคงมีความผันผวนสูง แต่โชคดีที่มี "ตัวช่วย" สำคัญคือข่าวที่สหรัฐฯ กำลังจะยุติปัญหา Government Shutdown ได้
ซึ่งข่าวดีนี้เข้ามาช่วยลดแรงกดดันจากปัจจัยลบอื่นๆ ที่ตลาดกำลังเผชิญอยู่ ทั้งเรื่องการเมืองในประเทศ สถานการณ์น้ำท่วม และการที่ตลาดยังต้องรอผลตัดสินคดีภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ จากศาลฎีกา
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นกลุ่มธนาคารบางตัวเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว ปัจจัยบวกจากสหรัฐฯ ประกอบกับการฟื้นตัวของกลุ่มธนาคาร จึงน่าจะช่วยหนุนให้ดัชนีฯ ปิดบวกได้ในวันนี้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้