
SMO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก, เด็กชายหฤษฎ์ถือหุ้นใหญ่ 10.48% หลัง IPO
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียล สำหรับหุ้น IPO น้องใหม่ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้เป็นวันแรก
โดยนักลงทุนต่างพากันตั้งข้อสังเกตถึงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ที่ปรากฏชื่อ "เด็กชาย" เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ก่อให้เกิดคำถามว่า การที่ผู้เยาว์ถือครองหุ้นในสัดส่วนสูงเช่นนี้สามารถทำได้หรือไม่
Thairath Money ได้ตรวจสอบข้อมูลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไขข้อกระจ่างในประเด็นดังกล่าว จากแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ SMO ที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งได้ระบุโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 พบว่า
"กลุ่มครอบครัวคุณเสกศักดิ์" ผู้ถือหุ้นที่ถือในนามบุคคลที่สูงที่สุดคือ "เด็กชาย หฤษฎ์ พิริเยศยางกูร" ซึ่งถือหุ้นจำนวน 96,399,200 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.00% ของทุนชำระแล้วก่อน IPO
ซึ่งภายหลังการ IPO แล้ว เด็กชาย หฤษฎ์ พิริเยศยางกูร ยังถือหุ้นจำนวน 96,399,200 หุ้น เท่าเดิม หรือคิดเป็น 10.48% ของทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย IPO
ไฟลิ่งยังระบุความสัมพันธ์ด้วยว่า เด็กชายหฤษฎ์ เป็น "บุตรของคุณเสกศักดิ์ฯ" ซึ่ง นายเสกศักดิ์ พิริเยศยางกูร มีตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการบริษัท SMO
สำหรับคำถามว่าสามารถทำได้ในทางกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ "ทำได้" ซึ่งการที่ผู้เยาว์ หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะ "ถือครอง" หรือ "เป็นเจ้าของ" ทรัพย์สินรวมถึง "หุ้น" นั้นสามารถทำได้
การได้มาซึ่งหุ้นดังกล่าวอาจเกิดได้หลายกรณี เช่น การรับมรดก หรือในกรณีนี้อาจเป็นการโอนทรัพย์สินจากผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการบริหารทรัพย์สินภายในครอบครัว
หัวใจสำคัญที่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่ "อายุ" ของผู้ถือหุ้น แต่คือ "ความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล"
ตราบใดที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใสในแบบไฟลิ่ง เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลสำคัญนี้ก่อนการตัดสินใจลงทุน ก็ถือว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เยาว์จะ "เป็นเจ้าของ" หุ้นได้ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้เยาว์ไม่สามารถ "ทำนิติกรรม" เช่น การซื้อ ขาย โอน หรือใช้สิทธิ์ออกเสียงได้ด้วยตนเอง
การใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะต้องดำเนินการผ่าน "ผู้แทนโดยชอบธรรม" ซึ่งตามกฎหมายก็คือผู้ปกครอง นั่นหมายความว่าการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นและการโหวต ผู้แทนโดยชอบธรรมจะเป็นผู้มีสิทธิ์เข้าประชุมและใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนตามจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่
และไม่ใช่แค่กรณีของ SMO เท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่ามีผู้เยาว์ ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกหลายสิบราย
ซึ่งข้อมูลล่าสุด (10 พ.ย. 68) ระบุว่ามีผู้เยาว์ที่ติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายคน เช่น AJ, ARIN, SMIT, SONIC, SST, MOTHER และ PATO เป็นต้น
ดังนั้น กรณีของ SMO จึงไม่ใช่กรณีเดียวที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทย และอย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ การถือครองหุ้นของผู้เยาว์สามารถทำได้และไม่ผิดกฎหมาย โดยจะต้องมีผู้แทนโดยชอบธรรม (ผู้ปกครอง) เป็นผู้ดำเนินการใช้สิทธิต่างๆ แทน
ดังนั้น ในกรณีนี้อาจเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดการทรัพย์สินภายในครอบครัวของผู้ก่อตั้ง ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใสแล้ว โดยสิทธิ์ในการบริหารจัดการหุ้นทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของ "ผู้แทนโดยชอบธรรม" จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้