ตลท. ย้ำทางรอดนักลงทุน ซื้อหุ้น IPO ต้องดู "พื้นฐาน" ชี้กลไกตั้งราคาเป็นสากล หลังพบต่ำจองเพียบ

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท. ย้ำทางรอดนักลงทุน ซื้อหุ้น IPO ต้องดู "พื้นฐาน" ชี้กลไกตั้งราคาเป็นสากล หลังพบต่ำจองเพียบ

Date Time: 5 พ.ย. 2568 14:58 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจมากกว่าเพียงดูราคาเบื้องต้นหรืออัตราส่วน P/E ตลอดจนชี้แจงว่าการกำหนดราคา IPO เป็นกลไก Price Discovery ที่เป็นสากล และตลาดมีการกำกับดูแลการซื้อขายโดยเฉพาะวันแรกอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม

Latest


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนัก หลังสถิติหุ้นเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปี 2568 พบว่า จากจำนวน 15 บริษัทที่เข้าจดทะเบียน มีถึง 11 บริษัทที่ราคาหุ้นปัจจุบันร่วงลง "ต่ำกว่าราคาจองซื้อ" ท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวน โดยมีเพียง 4 บริษัท (TURBO, PIS, SKIN และ HANN) เท่านั้นที่ยังยืนเหนือจองได้

สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งถูกตอกย้ำ เมื่อหุ้นขนาดใหญ่อย่าง บริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT ซึ่งถือเป็น IPO มูลค่าสูงสุดของปีนี้กว่า 5.6 พันล้านบาท ก็ไม่รอดพ้นภาวะต่ำจองในวันซื้อขายล่าสุด (5 พ.ย. 68)

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า ตัวเลขของหุ้นไอพีโอต่ำจองดังกล่าวที่ "ค่อนข้างเยอะ" อาจส่งผลกระทบต่อปัจจัยการพิจารณาลงทุนของนักลงทุนในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พร้อมกันนี้ ผู้จัดการ ตลท. ได้ให้คำแนะนำไปยังนักลงทุน โดยเน้นย้ำว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน การพิจารณาเฉพาะราคาซื้อขาย หรืออัตราส่วน P/E อาจไม่เพียงพอ แต่นักลงทุนจำเป็นต้องกลับมาให้ความสำคัญกับ "ปัจจัยพื้นฐาน" ของธุรกิจอย่างแท้จริง


แนะนักลงทุนเน้น “พื้นฐาน” หลังหุ้น IPO ต่ำจองเพียบ

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เปิดเผยถึงการที่ในปี 2568 นี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนประมาณ 15 บริษัท แต่มีกว่า 11 บริษัทที่ปัจจุบันราคาต่ำกว่าจอง  ยอมรับว่า ตัวเลขดังกล่าวที่ค่อนข้างเยอะน่าจะส่งผลกระทบต่อปัจจัยในการพิจารณาของนักลงทุนในอนาคต

อย่างไรก็ดี ได้แนะนำนักลงทุนว่า ควรพิจารณาข้อมูลพื้นฐานของธุรกิจให้มากขึ้น การดูแค่ราคาอย่างเดียว หรืออัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อย่างเดียว อาจไม่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน

สิ่งที่สำคัญคือการพิจารณาถึงศักยภาพการเติบโต ผลประกอบการที่ผ่านมา และโอกาสในระยะยาวของธุรกิจนั้นๆ ซึ่งพื้นฐานของธุรกิจน่าจะสำคัญกว่าราคาซื้อขายในวันแรก

ในส่วนของกลไกการกำหนดราคา IPO นั้น อัสสเดช ยืนยันว่า เป็นกลไกที่เป็นสากลที่ใช้กันทั่วโลก หรือที่เรียกว่า Price Discovery และบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือหน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถเข้าไปกำหนดราคาได้

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการกำกับดูแลและตรวจสอบการซื้อขายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในวันแรกที่มีการซื้อขายปริมาณสูง (volume สูง) โดยมีการตรวจสอบรายละเอียดของบุคคลที่ซื้อขาย เพื่อป้องกันพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสมในตลาด และกำลังพยายามทำให้ขั้นตอนในการกำกับดูแลและการตรวจสอบรวดเร็วขึ้น


ปี 2569 บังคับใช้เกณฑ์ใหม่ เน้น “บจ. คุณภาพ” มากขึ้น

อัสสเดช กล่าวอีกว่า การชะลอการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนสูง ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้เวลาพิจารณาว่าช่วงเวลาใดที่เหมาะสมในการลงทุนขยายกิจการ แต่เมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น การตัดสินใจลงทุนที่เคยถูกเลื่อนออกไปจะเริ่มกลับมา

ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมตลาดหุ้นของไทยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เริ่มมีความมั่นคงและปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ความผันผวนหลายอย่างมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมถือว่าดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปี 2569 เกณฑ์การเข้าจดทะเบียนใหม่ที่จะเริ่มใช้ จะส่งผลให้บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยากขึ้น ซึ่งการเข้ายากขึ้นนี้แปลว่าในช่วงแรก ปริมาณบริษัทที่เข้าจดทะเบียน อาจจะน้อยลง

ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องหาความสมดุลที่เหมาะสมในการใช้กฎเกณฑ์ โดยมุ่งเน้นการคัดกรอง เพื่อให้บริษัทที่จะเข้ามาในตลาดทุนมีคุณภาพที่ดี และเน้นย้ำว่าบทบาทของตลาดทุน คือการเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับธุรกิจในการระดมทุนเพื่อเสริมสร้างธุรกิจ แม้ว่ายังมีความผันผวนอาจเกิดขึ้น เช่น การเลือกตั้ง แต่เศรษฐกิจและธุรกิจของไทยยังคงเดินหน้าต่อไป


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ