
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหุ้นน้องใหม่ที่เปิดตัววันแรกได้ไม่สวยนัก สำหรับ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น WASH เจ้าของร้านสะดวกซัก “WashXpress” ที่เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ปิดตลาดครึ่งวันเช้า 3 พ.ย.68 ราคาหุ้น WASH ดิ่งหนักลดลง 1.95 บาท หรือ -26% เหลือเพียง 5.55 บาท จากราคาจองซื้อไอพีโอที่ 7.50 บาท แรงเทขายนี้ สวนทางกับมุมมองเชิงบวกจากนักวิเคราะห์ที่ให้ราคาเป้าหมายไว้ค่อนข้างสูง
Thairath Money พาไปเจาะลึกประเด็นสำคัญ ว่าอนาคตของหุ้น "ร้านสะดวกซัก" นี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป และน่าสนใจลงทุนหรือไม่
WASH ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด แต่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการร้านสะดวกซักครบวงจรชั้นนำของไทย ภายใต้แบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง “WashXpress”
บริษัทดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “สะอาด สะดวก สบาย” โดยแบ่งการดำเนินธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
การระดมทุนขายหุ้น IPO ที่ราคา 7.50 บาทในครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจนที่จะปลดล็อกศักยภาพและสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะใช้เงินลงทุนขยายสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 160 สาขา ภายในปี 2569 - 2570 รวมถึงใช้ปรับปรุงสาขาเดิมและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
แม้ราคาหุ้นวันแรกจะไม่เป็นใจ แต่หากย้อนดูผลการดำเนินงาน 3 ปีล่าสุด (2565 - 2567) จะพบว่า WASH มีการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างมาก
โดยรายได้รวม: เติบโตจาก 464.47 ล้านบาท ในปี 2565 เป็น 823.58 ล้านบาท ในปี 2567 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 33.16% ต่อปี
ด้านกำไรสุทธิเติบโตจาก 59.31 ล้านบาท ในปี 2565 มาเป็น 83.47 ล้านบาท ในปี 2567 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 18.63% ต่อปี
และรายได้ส่วนใหญ่ (ประมาณ 92-96%) มาจากธุรกิจร้านสะดวกซักที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง ปัจจัยหนุนมาจากการขยายสาขาใหม่ การเติบโตของสาขาเดิม และการเพิ่มบริการใหม่ๆ
จุดที่น่าสนใจคือ กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน ที่เป็นบวกและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 247.53 ล้านบาท ในปี 2565 สู่ระดับ 430.95 ล้านบาท ในปี 2567 นั้น สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการสร้างเงินสดจากธุรกิจหลักได้เป็นอย่างดี
ในมุมของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) กลับมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อ WASH โดยประเมินราคาเหมาะสมของปี 2569 ไว้สูงถึง 9.30 บาทต่อหุ้น
เหตุผลสนับสนุนหลักๆ มาจากอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วง Growth Stage จากตลาดร้านสะดวกซักไทยโตระเบิด จากมูลค่า 3,000 ล้านบาทในปี 2563 พุ่งเป็น 13,500 ล้านบาทในปี 2567 หรือโตเฉลี่ย 40% ต่อปี จากไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เน้นความสะดวกสบาย รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
นอกจากนี้ WASH ยังนับเป็นผู้นำ แม้การแข่งขันจะรุนแรง (เช่น Otteri, 24WASH) แต่ WASH ถือเป็นผู้นำด้วยสาขากว่า 548 แห่ง มีแบรนด์ที่ชัดเจน และมีความได้เปรียบจากการเป็นเจ้าของสาขาส่วนใหญ่และการใช้เทคโนโลยี
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ ยังให้ Premium Valuation เนื่องจากอยู่ในช่วงเติบโตสูง โดยอิง P/E ที่ 20 เท่า บนคาดการณ์ EPS ปี 2026 (0.46 บาท)
ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่า การเปิดตัววันแรกของ WASH ที่ราคาร่วงแรงในวันนี้เป็นเพียงแรงเทขายระยะสั้น หรือมีปัจจัยอื่นที่นักลงทุนกังวล และราคาเป้าหมายที่ 9.30 บาท จะยังเป็นไปได้หรือไม่…
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้