BANPU - BPP ราคาหุ้นพุ่งทะลุ 11% หลังมีข่าวบอร์ดไฟเขียวควบรวม! ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ธุรกิจพลังงาน

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

BANPU - BPP ราคาหุ้นพุ่งทะลุ 11% หลังมีข่าวบอร์ดไฟเขียวควบรวม! ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ธุรกิจพลังงาน

Date Time: 30 ต.ค. 2568 12:01 น.

Video

เช็กให้ชัวร์ คุณอาจกำลัง "พลาด" โอกาสประหยัดภาษีหลายหมื่น! | Thairath Money Night Stand EP.22

Summary

ราคาหุ้น BANPU - BPP พุ่งแรง หลังมีข่าวบอร์ดไฟเขียวควบรวม พร้อมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เดินหน้ากลยุทธ์ Energy Symphonics

เมื่อมีข่าวปรับโครงสร้างบริษัทมักส่งผลต่อราคาหุ้นเสมอ ล่าสุด บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งข่าวต่อ SET ว่าจะเห็นการควบรวมกับบริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ซึ่งนักลงทุนตอบรับในทางบวก

ฝั่งหุ้นที่ขึ้นแรงกว่าคือ BPP ที่บางช่วงราคาพุ่งขึ้นทะลุ 25% หลังเปิดตลาดมาระยะหนึ่งราคายังอยู่ราว 12.70 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากการเปิดตลาดช่วงเช้าที่อยู่ระดับ 10.20 บาทต่อหุ้น ส่วนราคาหุ้น BANPU บางช่วงราคาพุ่งมากกว่า 11.16% ราคาทะลุ 4.78 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเปิดตลาดที่อยู่ราว 4.30 บาทต่อหุ้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ SET) ถึงมติคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2568 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ว่า BANPU จะดำเนินการควบบริษัทกับ BPP ภายใต้บทบัญญัติของ พ.ร.บ. บริษัทมหาชน จะส่งผลให้ BANPU และ BPP สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล และเกิดบริษัทมหาชนจำกัดใหม่ขึ้น โดยบริษัทใหม่ดังกล่าวจะได้รับไปทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทฯ และ BPP โดยผลของกฎหมายตาม พ.ร.บ. บริษัทมหาชน

ทั้งนี้ ภายหลังการควบบริษัทเสร็จสิ้น บริษัทใหม่จะยื่นคำขอรับหุ้นของบริษัทใหม่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การรับหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2542 และหุ้นของบริษัทฯ และ BPP จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ในส่วนของที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำธุรกรรมการรับซื้อหุ้นเป็นการทั่วไป (General Offer) จากผู้ถือหุ้นของ BPP ในราคารับซื้อหุ้นที่ 13.00 บาทต่อหุ้น โดย ณ 28 ตุลาคม 2568 บริษัทฯ ถือหุ้นสามัญของ BPP อยู่จำนวนทั้งสิ้น 2,397,199,497 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 78.66% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ BPP

อีกทั้งพร้อมรับซื้อหุ้นของ BPP ที่เหลือทั้งหมดจำนวน 650,532,203 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.34% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ BPP เป็นการทั่วไปจากผู้ถือหุ้นรายอื่น โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นได้ตอบรับข้อเสนอรับซื้อหุ้นเป็นระยะเวลา 15 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 1 – 23 ธันวาคม 2568

หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และ BPP มีมติอนุมัติธุรกรรมการควบบริษัท แต่มีผู้ถือหุ้นซึ่งเข้าประชุมและออกเสียงคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัท บริษัทที่จะควบเข้ากันแต่ละบริษัทจะต้องจัดให้มีผู้รับซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านดังกล่าวในราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทจะมีมติอนุมัติธุรกรรมการควบบริษัท (ราคาปิดของหุ้นบริษัทฯ และ BPP ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 28 มกราคม 2569) ตามมาตรา 146 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ. บริษัทมหาชน โดยผู้ถือหุ้นที่คัดค้านมีสิทธิขายหุ้นของตนให้แก่ผู้รับซื้อหุ้นภายใน 14 วันนับจากวันที่ได้รับข้อเสนอซื้อหุ้นจากผู้รับซื้อหุ้น

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดการปรับโครงสร้างการลงทุนในบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ คือ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน BKV-BPP Power, LLC (BKV-BPP) โดยจะเข้าซื้อสิทธิการลงทุน (Membership Interests) บางส่วนในจำนวน 25% ของจำนวนสิทธิการลงทุนทั้งหมดของ BKV-BPP จาก Banpu Power US Corporation (BPPUS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของ BPP ในราคารวมทั้งสิ้นประมาณ 376 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 12,253 ล้านบาท) หักด้วย 25% ของหนี้สินสุทธิ (Net Debt) ของ BKV-BPP ณ วันที่การซื้อขายเสร็จสิ้น

สำหรับการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว โดยในเบื้องต้นคาดว่า หากธุรกรรมข้างต้นได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BPP ในวันที่ 29 มกราคม 2569 การเข้าทำรายการในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2569

ทั้งนี้ ธุรกรรมการปรับโครงสร้างการลงทุนใน BKV-BPP ระหว่าง BKV และ BPPUS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ทั้งสองบริษัท ไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน (ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (ตามที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม)

นอกจากนี้ การอนุมัติเกี่ยวกับแผนการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีความคล่องตัวและความพร้อมในการสร้างโอกาสในการเติบโต โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินกลยุทธ์ Energy Symphonics เนื่องจากโครงสร้างการจดทะเบียนในปัจจุบันของกลุ่มบริษัทยังไม่เอื้อต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างเต็มศักยภาพ การปรับโครงสร้างครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินกลยุทธ์ พร้อมปรับตำแหน่งทางธุรกิจ (Positioning) และทิศทางการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจที่ไม่ใช่ถ่านหิน (Non-coal)


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ