รู้จัก MRDIYT หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ก่อนเข้าเทรด 5 พ.ย.นี้ กับราคาจอง 8.60 บาท ระดมทุนใหญ่สุดรอบ 3 ปี

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จัก MRDIYT หุ้นไอพีโอน้องใหม่ ก่อนเข้าเทรด 5 พ.ย.นี้ กับราคาจอง 8.60 บาท ระดมทุนใหญ่สุดรอบ 3 ปี

Date Time: 29 ต.ค. 2568 14:28 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

MRDIYT ผู้นำค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน เตรียมเข้าเทรด 5 พ.ย. 68 หลัง IPO ได้รับการตอบรับล้นหลาม เคาะราคาสูงสุด 8.60 บาท ระดมทุน 5.6 พันล้านบาท กลายเป็นหุ้น IPO ใหญ่สุดในรอบ 3 ปี ด้านผู้บริหารแจงดราม่า ยืนยันผู้ถือหุ้นใหญ่สมัครใจล็อกอัพหุ้น 84.26% สะท้อนความเชื่อมั่น

ตลาดหุ้นไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ บมจ. มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ MRDIYT ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้าน กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุน จนสามารถเคาะราคาเสนอขายสุดท้ายที่ระดับสูงสุดของช่วงราคาที่ 8.60 บาทต่อหุ้น ทำให้การระดมทุนครั้งนี้มีมูลค่าสูงถึง 5.6 พันล้านบาท

และส่งผลให้ MRDIYT กลายเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในรอบ 3 ปี และใหญ่ที่สุดของปีนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าซื้อขายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 

Thairath Money พาไปเจาะลึกว่า MRDIYT ทำธุรกิจอะไร ผลประกอบการเป็นอย่างไร รวมถึงราคา 8.60 บาทน่าสนใจหรือไม่ และบทสรุปของประเด็น "ดราม่าหุ้นล็อกอัพ" ที่นักลงทุนให้ความสนใจ


รู้จักหุ้น MRDIYT เตรียมเทรดต้นเดือน พ.ย.

MRDIYT หรือ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ดำเนินธุรกิจหลักคือ ค้าปลีกสินค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ "MR. D.I.Y."

บริษัทถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกด้านนี้ที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย โดยข้อมูลจาก Frost & Sullivan ระบุว่าในปี 2567 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 8.8% ของอุตสาหกรรมค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านทั้งหมด และหากนับเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ Chain Retailer บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 39.2% 

MR. D.I.Y. เริ่มเปิดสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2559 และเติบโตอย่างรวดเร็ว จน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีร้านค้าถึง 1,027 สาขา ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย

ในแง่ของผลประกอบการ MRDIYT ย้อนหลัง 3 ปี (ช่วงปี 2565-2567) รายได้รวมเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 27.7% ส่วนกำไรสุทธิคิดเป็น CAGR ที่ 30.1% ดังนี้

  • ปี 2565 รายได้รวม 9,941.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,051.2 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 12,832.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,381.1 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้รวม 16,214.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,780.3 ล้านบาท

ล่าสุดในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 9,470.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,176.4 ล้านบาท เติบโตถึง 48.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 


เคาะราคา 8.60 บาท เตรียมเทรดต้นเดือน พ.ย.นี้ 

MRDIYT เสนอขายหุ้น IPO ทั้งสิ้น 655,000,000 หุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 420,000,000 หุ้น  และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย MDIH (Singapore) Pte. Ltd. อีก 235,000,000 หุ้น

การเคาะราคาที่ 8.60 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วง 8.30-8.60 บาท สะท้อนถึงความต้องการจองซื้อที่ล้นหลาม เมื่อพิจารณาด้าน Valuation จากข้อมูลในหนังสือชี้ชวน ที่ช่วงราคาดังกล่าว อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) จะอยู่ที่ประมาณ 23.09 - 23.92 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย P/E ของกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน (เช่น DOHOME, MOSHI, GLOBAL, HMPRO และ MRDIY ในต่างประเทศ) ซึ่งอยู่ที่ 27.02 เท่า  ถือว่า P/E ของ MRDIYT ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม

เงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทมีแผนจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจ เช่น การขยายสาขาและลงทุนคลังสินค้า ชำระคืนหนี้สินเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายขยายสาขาใหม่อีกไม่น้อยกว่า 500 แห่งใน 3 ปีข้างหน้า และมีเป้าหมายกว่า 1,500 แห่งภายในปี 2570 

มุมมองจากที่ปรึกษาทางการเงินและผู้บริหารล้วนเป็นไปในทิศทางบวก โดย พิเชษฐ สิทธิอำนวย จาก บล. บัวหลวง ระบุว่า กระแสจองซื้อที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและศักยภาพการเติบโตในฐานะผู้นำตลาด

ขณะที่ กนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ จาก ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ชี้ว่า ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านของไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต (Early Stage of Growth) ซึ่งสะท้อนศักยภาพในการขยายตัวอีกมาก

นอกจากนี้ การเสนอขายครั้งนี้ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำระดับโลกหลายราย ด้านซีอีโอ แอนดี้ ชิน กวานกุ้ย กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้วย


สรุปดราม่า “ไซเรนท์พีเรียด” ชี้หุ้น 84.26% ถูกล็อกอัพ

หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือเรื่องการ "ล็อกอัพ" หุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือที่เรียกว่า Silent Period โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลในหนังสือชี้ชวนระบุถึงแผนการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) ในวันซื้อขายวันแรก 

อย่างไรก็ตาม MRDIYT ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยยืนยันว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดได้ "สมัครใจล็อกอัพหุ้นทั้งหมดของตนเอง" เพิ่มเติมจากที่กฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด

สำหรับรายการ Big Lot ที่จะเกิดขึ้นในวันแรก ซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 245 ล้านหุ้น (คิดเป็น 4.07% ของทุนชำระแล้ว) ถูกระบุว่าเป็นการ "ปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม" โดยนายจอมพงษ์ โตมงคล เป็นผู้ขาย และผู้ซื้อคือ Mr. Tan Yu Yeh, Mr. Tan Yu Wei และผู้ถือหุ้นสัญชาติมาเลเซียอีกหนึ่งราย

ซึ่งประเด็นสำคัญคือ ผู้ที่เข้าซื้อหุ้นในรายการ Big Lot นี้ ได้ "สมัครใจล็อกอัพหุ้นทั้งหมดที่ได้มา" ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีการชี้แจงกรณีที่ นายจอมพงษ์ ได้นำหุ้นจำนวน 553.7 - 554 ล้านหุ้น ไปเป็นหลักประกันสินเชื่อส่วนบุคคล โดยเขามีภาระต้องชำระหนี้คืนหลังจากขายหุ้น Big Lot เสร็จสิ้น และภายหลังการชำระหนี้ดังกล่าว นายจอมพงษ์ "สมัครใจล็อกอัพหุ้นที่เหลือจากการปลดหลักประกันทั้งหมด" (ประมาณ 309 ล้านหุ้น) เป็นระยะเวลา 12 เดือน 

ดังนั้น การดำเนินการล็อกอัพโดยสมัครใจครั้งนี้ ทำให้มีหุ้นที่ถูกจำกัดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้นสูงถึง 5,070 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 84.26% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO

แบ่งเป็นส่วนที่ถูกห้ามขาย 12 เดือน (ทั้งภาคบังคับและสมัครใจ) 75.18% และส่วนที่ถูกห้ามขายโดยสมัครใจ 90 วันอีก 9.08% ซึ่งผู้บริหารและที่ปรึกษาทางการเงินระบุว่า การกระทำดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นระยะยาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีต่อบริษัทฯ


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ