
เปิดตลาดหุ้นไทยเช้านี้บรรยากาศการลงทุนเป็นไปอย่างคึกคัก ดัชนี SET Index ณ เวลา 10.32 น. อยู่ที่ระดับ 1,312.65 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.30 จุด หรือ +0.79% หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญในวันนี้มาจาก "หุ้นกลุ่มพลังงาน" ที่ปรับตัวสูงขึ้นกันอย่างถ้วนหน้า ทั้งกลุ่มพลังงานต้นน้ำ และกลุ่มโรงกลั่น
ปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร 2 บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันโลกที่อาจตึงตัว ส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานของไทยอย่างหนาแน่นตั้งแต่เปิดตลาด
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทั้งน้ำมันดิบ Brent และ West Texas (WTI) ต่างพุ่งขึ้นกว่า 5-7% ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
ปัจจัยสำคัญมาจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อ 2 บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ได้แก่ LUKOIL (ลูคอยล์) และ ROSNEFT (รอสเนฟต์) ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกน้ำมันรวมกันเกือบ 50% ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน
ประกอบกับสหภาพยุโรป (EU) ก็ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดที่ 19 ซึ่งรวมถึงการแบน LNG ของรัสเซียด้วย สถานการณ์นี้สร้างความกังวลต่ออุปทาน (Supply) น้ำมันในตลาดโลกที่อาจตึงตัวขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวแรง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า กลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงคือ "กลุ่มพลังงาน" โดยเฉพาะหุ้นต้นน้ำที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพราะราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้นส่งผลบวกต่อราคาขายโดยตรง
นอกจากนี้ "กลุ่มโรงกลั่น" ก็ได้รับอานิสงส์เชิงบวกไปด้วยเช่นกัน และอาจเป็นกลุ่มที่โดดเด่นและมีแรงเก็งกำไรเข้ามามากที่สุดในวันนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นมักส่งผลดีต่อกำไรจากสต็อกน้ำมัน (Stock Gain) และราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
บล. กรุงศรี ชี้ว่าแรงหนุนจากข่าวทรัมป์ประกาศคว่ำบาตร 2 บริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียทำข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน มองบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ ทั้งกลุ้มน้ำมัน เน้น PTTEP และ PTT ส่วนกลุ่มโรงกลั่น เน้น TOP และ SPRC เป็นต้น
บล. เอเซีย พลัส ระบุว่าหุ้นโรงกลั่นในไทย อาจเป็นพระเอกของ SET Index วันนี้ จากช่วง 2 วันที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมาแรงเกิน 7% ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน คาดเป็นแรงหนุนเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม พลังงาน-โรงกลั่น อาทิ PTT PTTEP BCP SPRC BSRC TOP เป็นต้น
บล.พาย มองว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีทิศทางเชิงบวกจากกลุ่มน้ำมัน ประเมินเคลื่อนไหวในกรอบ 1,305-1,320 จุด คาดว่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ช่วยประครองดัชนี อย่างไรก็ตาม แนะจับตาทิศทางราคาน้ำมันใกล้ชิด หากปรับขึ้นต่อเนื่องจะกดดันทิศทางเงินเฟ้อรวมไปถึงการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
บล. ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินว่าข่าวการคว่ำบาตรดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น 3-5% ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้น PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน แต่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อโลกและส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เป็นผู้ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี สายการบิน และโรงไฟฟ้า
สถานการณ์นี้ส่งผลบวกระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นอย่างชัดเจน แต่ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นก็นำมาซึ่งความกังวลในหลายด้านที่ต้องติดตาม นักลงทุนควรติดตามทิศทางราคาน้ำมันและสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้