
4 องค์กรหลักด้านตลาดทุนไทยจับมือกันประกาศใช้ "ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" เพื่อพลิกโฉมตลาดหุ้นให้กลับมาคึกคักและน่าลงทุนอีกครั้ง โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะต้องเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ หรือ Quick Win ภายใน 4 เดือนข้างหน้า
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าจับตาที่สุดคือการ "ปลดล็อกกระบวนการ IPO" เพื่อเปิดทางให้บริษัทแห่งโลกอนาคตในกลุ่ม New Economy และ New S-Curve ที่ได้รับสิทธิส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ให้สามารถเข้าระดมทุนได้ง่ายขึ้น
ซึ่งมาตรการนี้จะเข้ามาแก้ปัญหาที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญมานาน นั่นคือการที่ดัชนี SET50 เต็มไปด้วย "หุ้นหน้าเดิม" มากว่า 2 ทศวรรษ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูต้อนรับบริษัทเทคโนโลยี, ธุรกิจนวัตกรรม, และแม้กระทั่งค่ายรถยนต์ EV จากต่างประเทศ ให้เข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุน
ในฝั่งของนักลงทุนรายย่อยก็มีการผลักดันมาตรการสำคัญอย่าง "TISA" หรือบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล ซึ่งไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยลดหย่อนภาษี แต่เป็นการปฏิรูปโครงสร้างการออมของคนไทยครั้งใหญ่ เพื่อส่งเสริมให้คนเปลี่ยนเงินฝากมาเป็นการลงทุนระยะยาว
มาตรการสร้างเสน่ห์หุ้นไทย มีแผนการดำเนินงานจะขับเคลื่อนผ่าน 4 มาตรการหลัก ที่ครอบคลุมทุกมิติของตลาดทุน ตั้งแต่ฝั่งผู้ซื้อ ผู้ขาย ไปจนถึงระบบนิเวศโดยรวม โดยมีแผนปฏิบัติการเร่งด่วนภายใน 4 เดือนข้างหน้า ดังนี้
1.Quality Demand - ส่งเสริมการออมระยะยาวผ่าน "บัญชีการลงทุนส่วนบุคคล" (TISA) เพื่อเปลี่ยนเงินออมเป็นเงินลงทุน รวทถึงขยายฐานนักลงทุนกลุ่มใหม่ และเพิ่มบทบาทของนักลงทุนสถาบันในประเทศ
2.Attractive Supply - ดึงดูดบริษัทคุณภาพและธุรกิจ New Economy เข้าระดมทุน พร้อมยกระดับคุณภาพบริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ Jump+ และปรับปรุงเกณฑ์ IPO ให้ทันสมัย รวมถึงผลักดันการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ตามมาตรฐานสากล
3.Trusted Market - เพิ่มความเข้มข้นในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพ (Gatekeepers) เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
4.Supportive Ecosystem - ใช้เทคโนโลยีเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนและผลักดันสู่ ตลาดทุนดิจิทัล ทบทวนเกณฑ์การซื้อขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมนักลงทุนในปัจจุบัน
ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยนี้ จะเสริมสร้างศักยภาพให้ตลาดทุนไทยมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และวางรากฐานที่มั่นคงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
เมื่อตลาดทุนสามารถดึงดูดธุรกิจที่มีศักยภาพให้เข้ามาระดมทุน จะช่วยเพิ่มโอกาสของประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเพิ่มจำนวนนักลงทุนในตลาดมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดทุนไทยมีประสิทธิภาพในการเป็นแหล่งระดมทุนเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
ขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นมาตรการ Quick Win ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์ในระยะสั้น และส่งผลต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ริเริ่มจัดตั้งคณะทำงาน Taskforce เพื่อร่วมกันผลักดันมาตรการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันระยะยาวอย่างยั่งยืน สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งยกระดับความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทย
โดยเชื่อมั่นว่าการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ ต้องอาศัยความร่วมมือทำงานของทุกภาคส่วน ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายให้ทุกมาตรการมี KPI ที่ชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรม และบางมาตรการสามารถมีความชัดเจนได้ภายใน 4 เดือน
อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท. พร้อมผลักดันมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทยอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การดึงดูดกิจการ New Economy ที่มีศักยภาพเข้าจดทะเบียน การยกระดับคุณภาพบริษัทจดทะเบียนผ่านโครงการ Jump+ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลของผู้ลงทุน ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่น ให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพตลาด สร้างความน่าเชื่อถือ และยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแล เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนที่มีประสิทธิภาพ
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ชี้ว่า การขับเคลื่อน “ชุดมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย” เป็นความร่วมมือสำคัญจากทุกภาคส่วนในตลาดทุน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันของตลาดหุ้นไทยให้แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน เชื่อว่ามาตรการ TISA จะเป็นการปฏิรูปการออมครั้งใหญ่เพื่อรองรับสังคมสูงวัย และเชื่อว่าแผนทั้งหมดจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้อย่างชัดเจน
หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือการผลักดัน "บัญชีการลงทุนส่วนบุคคล" (Thailand Individual Savings Account หรือ TISA) เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว รับสังคมสูงวัย
TISA ไม่ใช่แค่เครื่องมือลดหย่อนภาษี แต่คือ การปฏิรูปโครงสร้างการออมของคนไทยครั้งใหญ่ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการลงทุนระยะยาวและเตรียมความพร้อมรับมือสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ FETCO เน้นย้ำว่า TISA จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายขึ้น เช่น หุ้น, กองทุนรวม, หรือตราสารหนี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว
แนวคิดของ TISA จะครอบคลุมการออมในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การออมเพื่อการเกษียณ, การออมเพื่อการลงทุนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (ESG), และการออมเพื่อบุตรหลาน ซึ่งจะทำให้ TISA เป็นเครื่องมือการเงินที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงคนทุกกลุ่ม
โดย FETCO ได้ยื่นข้อเสนอและเตรียมเข้าหารือกับกระทรวงการคลังในเร็วๆ นี้ เพื่อผลักดันรายละเอียดด้านกฎหมายและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเร็วกว่าแผนเดิมที่วางไว้ในปี 2569
อีกหนึ่งภารกิจเร่งด่วนคือการ "ยกเครื่องกระบวนการ IPO" เพื่อดึงดูดบริษัทที่มีศักยภาพสูงและอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S-Curve) ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากขึ้น
อัสสเดช ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยอมรับว่า รายชื่อหุ้นในดัชนี SET50 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเป้าหมายสำคัญคือการนำ "ชื่อใหม่ๆ" โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม New Economy เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาด
ปัจจุบันมีบริษัทจำนวนมากที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แต่ยังไม่ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น คณะทำงานจะเข้าไปปลดล็อกกฎเกณฑ์และปรับปรุงกระบวนการ IPO ให้เอื้อต่อบริษัทเหล่านี้มากขึ้น เพื่อสร้าง "New Supply ที่มีคุณภาพ" ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน
ดร.กอบศักดิ์ FETCO เผยว่า มีบริษัทจากต่างประเทศหลายบริษัทให้ความสนใจเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เช่น บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีนที่สนใจเข้ามาตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) และสำนักงานใหญ่ในไทย พร้อมทั้งต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วย ซึ่งมาตรการใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในลักษณะนี้ได้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้