ทำไมสหรัฐฯ เกิดข่าวลบ “Government Shutdown” แต่ตลาดหุ้น - กลุ่มบิ๊กเทคฯ ยังพุ่งขึ้น?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไมสหรัฐฯ เกิดข่าวลบ “Government Shutdown” แต่ตลาดหุ้น - กลุ่มบิ๊กเทคฯ ยังพุ่งขึ้น?

Date Time: 3 ต.ค. 2568 12:19 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าบวกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown ท่ามกลางความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

Latest


เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อย เมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าบวกอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown หรือการปิดทำการชั่วคราวแล้วก็ตาม

โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นพระเอก ที่นำทัพทะยานขึ้น อย่าง Nvidia เจ้าเก่าที่ราคาขึ้นไปทำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง ท่ามกลางความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางสำนักเริ่มส่งสัญญาณเตือน โดยชี้ว่ายังมีความเสี่ยงซ่อนอยู่จากการใช้ Leverage หรือการกู้ยืมเพื่อลงทุนที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนภาวะการเก็งกำไรที่สูงในตลาด นักลงทุนจึงควรใช้ความระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่อาจร้อนแรงเกินไป


ตลาดหุ้นเมิน Government Shutdown

ภาวะ Government Shutdown ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 หลังจากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันเวลา ส่งผลให้การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่าง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน อาจต้องล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้มากนัก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลในอดีตที่ชี้ว่า Government Shutdown มักส่งผลกระทบต่อตลาดในระยะสั้นและจำกัด ตลาดจึงเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปยังปัจจัยอื่นที่มีน้ำหนักมากกว่า

แรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดในรอบนี้มาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +0.06% และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.39% และ Dow Jones เพิ่มขึ้น +0.17%

โดย ได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia, Apple และ Broadcom ซึ่ง NVIDIA ปรับตัวขึ้นสูงสุด 191.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ทำ All-Time High อีกครั้ง 

ปัจจัยบวกสำคัญล่าสุด มาจากข่าวที่ OpenAI ประกาศโปรเจกต์ "Stargate" ซึ่งเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่ามหาศาล และได้จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีในเกาหลีใต้ ยิ่งโหมกระแสความเชื่อมั่นให้กับหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม มีหุ้นบางตัวที่เคลื่อนไหวสวนทาง เช่น Tesla (TSLA) ที่ปรับตัวลดลง -5.11% ปิดที่ระดับ 436.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ


ความหวัง "เฟดลดดอกเบี้ย" ตัวกระตุ้นชั้นดี

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือความคาดหวังว่าเฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง

โดย นักวิเคราะห์ฯ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่สนใจ Government Shutdown เท่าใดนัก ขณะที่การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yield) ที่ชะลอตัวลง สะท้อนความคาดหวังเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งเปิดทางให้เฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้

ข้อมูลล่าสุดจาก CME FED Watch Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือสะท้อนมุมมองของตลาด ชี้ว่ามีโอกาสเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของตลาดในประเด็นดังกล่าว

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง S&P500, Nasdaq Composite  และ Dow Jones จากแรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นทั้ง Nvidia, Apple และ Broadcom แต่นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลตลาดแรงงานภาคเอกชน และการปิดทำการบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐฯ ในวันที่สอง ว่าจะมีผลกระทบหรือไม่

ด้าน ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซียพลัส ได้ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะทำ All-Time High แต่ "ระดับการขึ้นเริ่มช้าลง" เมื่อเทียบกับการใช้ Leverage (การก่อหนี้เพื่อลงทุน) ที่อยู่ในระดับสูงมาก

โดยระดับการกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.06 ล้านล้านเหรียญ และอัตราส่วน Put/Call Ratio เฉลี่ยต่ำกว่า 0.5 ตลอด 3 เดือน ซึ่งระดับที่ต่ำ กว่า 0.7 แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังว่าตลาดจะขึ้นได้ร้อนแรงกว่าปกติ และยังเริ่มเห็นสัญญาณสภาพคล่องที่สลับการลงทุนเข้ามาในฝั่งตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้นด้วย 

ทั้งนี้ ความคาดหวังปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่เหลืออีก 2 ครั้งในปี้นี้ ดูชัดเจนขึ้น จาก ความกังวล Government Shutdown ในสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่วันที่ 2 ซึ่งกรณีที่สถานการณ์ลากยาว อาจส่งผลกระทบต่อภาครวมเศรษฐกิจ ตลอดจนการจ้างงาน รวมถึงการประกาศตัวเลขสำคัญต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่ข้อมูลมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน


แม้ปัจจัยอย่าง Government Shutdown จะไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ แต่นักลงทุนก็ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และจับตาดูผลกระทบหลังจากนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่สัญญาณเตือนจากระดับ Leverage ที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้ ก็อาจเป็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางภาวะกระทิงเช่นกัน

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ