
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนจับตา สำหรับดีลซื้อหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ของ “กลุ่มชาร์เตอร์” พร้อมส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการ จนกลายเป็นดราม่า “ฮุบบางจาก” นั้น จะสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนหรือไม่
ผู้บริหาร BCP ชี้ว่ากระบวนการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ส่งตัวแทนนั่งเก้าอี้กรรมการนั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียน และการซื้อขายหุ้นบางจาก ก็อยู่ภายใต้กฎระเบียบของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ดี บางจากเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ จัดทัพ 5 กลุ่มธุรกิจใหม่ รับการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 มกราคม 2569 พร้อมเตรียมเสนอคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง 3 ปี สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ชี้แจงประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และข้อกังวลที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัท โดยยืนยันว่าบางจากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การซื้อขายหุ้นทั้งหมด จะเป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ
ในด้านการกำกับดูแลกิจการ ชัยวัฒน์ ย้ำว่าบริษัทมีธรรมาภิบาลที่ชัดเจน คณะกรรมการบริษัทมีทั้งหมด 15 ท่าน พร้อมชี้ให้เห็นถึงผู้แทนจากผู้ถือหุ้นหลัก 4 ท่าน ได้แก่ ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง 2 ท่าน และจากกลุ่มชาร์เตอร์ด 2 ท่าน ผู้ถือหุ้นที่มีสัดส่วนสูงก็จะมีตัวแทนในบอร์ด เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน กระทรวงการคลังถือหุ้นโดยตรง 4.76% และถือผ่านกองทุนวายุภักษ์ 19.84% ขณะที่สำนักงานประกันสังคมถือหุ้น 15.11% ซึ่งมองว่าบอร์ดบางจากมีความเป็นมืออาชีพมาก ตลอด 10-11 ปีที่ผ่านมากระบวนการทำงานและการกลั่นกรองมีความชัดเจน
แม้แต่การวางยุทธศาสตร์ใหม่ครั้งนี้ คณะกรรมการก็ได้ใช้เวลาพิจารณาอย่างละเอียดตลอดทั้งวัน มีการตั้งคำถามและท้าทายแผนงานอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด
“ผู้ถือหุ้นที่มีสัดส่วนสูง ก็จะมีตัวแทนทั้งในบอร์ดก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียน ในบอร์ดเองเราก็มีการคุย การบริหารจัดการตลอด 10-11 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าบอร์ดบางจาก Professional มากนะครับ" ชัยวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยปรับยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งสู่ความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน โดยตั้งเป้า EBITDA เติบโตปีละ 100% ภายในปี 2571
สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กร สู่ 5 กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีความชัดเจนและผนึกกำลังกันมากขึ้น จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ดังนี้
1.กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการตลาด และเชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นการรวมธุรกิจโรงกลั่นบางจากพระโขนงและศรีราชาไว้ภายใต้การบริหารเดียวกัน เพื่อสร้าง Synergy และเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
2.กลุ่มธุรกิจค้าน้ำมัน ยกระดับธุรกิจเทรดดิ้งให้เป็นอีกหนึ่งธุรกิจเรือธง (Flagship) ของกลุ่ม เพื่อขยายการซื้อขายนอกเหนือจากการจัดหาน้ำมันดิบให้โรงกลั่น สู่การขยายตลาด ทั้งปริมาณและมูลค่าซื้อขายในประเทศและภูมิภาค ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง
3.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ ตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจแหล่งปิโตรเลียมระยะกลางชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยจะใช้ความเชี่ยวชาญจาก OKEA ASA ในนอร์เวย์ เป็นฐานในการขยายการลงทุน
4.ธุรกิจไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน เป็นการปรับโฉม BCPG ใหม่ โดยจะขยายการลงทุนจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ไปสู่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งให้ผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่าในปัจจุบัน
5.กลุ่มธุรกิจใหม่และโฮลดิ้ง ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่อยู่ใน 4 กลุ่มแรก รวมถึงบริหารจัดการกองทุนมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และสตาร์ทอัพ
เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว กลุ่มบางจากได้ตั้งงบลงทุน (CAPEX) สำหรับปี 2569-2571 ไว้ที่ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเพื่อการบำรุงรักษา 63%, โครงการลงทุนต่อเนื่อง 20% และการลงทุนเพื่อการเติบโต 17%
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทได้ให้ความเห็นชอบในหลักการกับโครงการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งรายละเอียดจะถูกนำเสนอเพื่อพิจารณาอนุมัติในบอร์ดต่อไป ภายในปี 2568 นี้
การปรับทัพครั้งใหญ่นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มบางจากในการสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน พร้อมรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมพลังงานโลก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย "Bangchak 100X" ที่วางไว้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้