ตลท. เปิดตัว "Leveraged & Inverse ETF" เพิ่มทางเลือกทำกำไร ทั้งตลาดขาขึ้น-ขาลง เริ่ม 26 ก.ย.นี้

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลท. เปิดตัว "Leveraged & Inverse ETF" เพิ่มทางเลือกทำกำไร ทั้งตลาดขาขึ้น-ขาลง เริ่ม 26 ก.ย.นี้

Date Time: 23 ก.ย. 2568 17:53 น.

Video

กลาง ธ.ค.ลุ้น! ฝนถล่มภาคใต้รอบใหม่ น้ำลดรอบนี้ต้องรีบทำอะไร? | Thairath Money Night Stand EP.26

Summary

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ "Leveraged & Inverse ETF" (L&I ETF) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกและกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นให้กับนักลงทุน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาด โดยจะเริ่มซื้อขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มิถุนายนนี้

Latest


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ "Leveraged & Inverse ETF" (L&I ETF) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกและกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นให้กับนักลงทุน สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาด โดยจะเริ่มซื้อขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กันยายนนี้

ได้แก่ Leveraged ETF ให้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงแบบมีอัตราทด เช่น 2 เท่า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าตลาดเป็นขาขึ้นและต้องการผลตอบแทนที่มากขึ้น และ Inverse ETF ให้ผลตอบแทนตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าตลาดเป็นขาลง หรือใช้เพื่อบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ


ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การมี L&I ETF จะช่วยให้นักลงทุนมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นตามสภาวะตลาดที่คาดการณ์ได้ โดยผลิตภัณฑ์นี้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  • L&I ETF เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกลยุทธ์ในการลงทุน โดย Leveraged ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง และเป็น “ตัวเพิ่มกำไร” โดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนีอ้างอิง ซึ่งเหมาะกับกรณีที่คาดว่าตลาดจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
  • Inverse ETF จะเป็น ETF ที่ให้ผลตอบแทนไปทางตรงข้ามกับดัชนีอ้างอิง ทำหน้าที่เป็น “ตัวเสริมพอร์ต” ในการสร้างโอกาสการทำกำไรหรือใช้ป้องกันความเสี่ยง ในกรณีที่คาดว่าทิศทางตลาดจะปรับลง โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกอัตราทดหรืออัตราทวีคูณของ ETF ให้เหมาะสมตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน

ดร.รินใจ กล่าวเสริมว่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะช่วยเติมเต็มระบบนิเวศ (Ecosystem) ของผลิตภัณฑ์ในตลาดให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปสามารถนำไปใช้บริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจซื้อขาย Leveraged และ Inverse ETF ควรศึกษาลักษณะและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน โดย Leveraged และ Inverse ETF เหมาะกับการลงทุนระยะสั้น เนื่องจากการถือครองในระยะยาวผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการที่ผลตอบแทนรวมของกองทุน ETF อาจแตกต่างไปบ้างจากผลตอบแทนทวีคูณของดัชนีอ้างอิง โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน แม้ในตลาดหุ้นไทยจะมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในลักษณะคล้ายกัน เช่น Futures ที่ต้องบริหารจัดการเงินหลักประกันและติดตามสถานะทุกวัน หรือ DW ที่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ

แต่ L&I ETF สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นทั่วไปผ่านกระดานหุ้นไทย ทำให้สะดวก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง ผลตอบแทนอาจเบี่ยงเบนไปจากนโยบายได้บ้าง ซึ่งจะมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการให้ใกล้เคียงเป้าหมายที่สุด

ด้าน ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ L&I ETF ที่จะเปิดตัวนี้ จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับนักลงทุนที่มองว่าผลตอบแทนจาก ETF แบบดั้งเดิมอาจขยับช้าเกินไป โดยในระยะแรกจะมีให้เลือกลงทุนทั้งแบบ Leveraged 2 เท่า และ Inverse 1 เท่า และ 2 เท่า

"หากนักลงทุนมองว่าตลาดมีทิศทางขาลง จากเดิมที่ทำได้เพียงขายหุ้นแล้วถือเงินสด ตอนนี้สามารถซื้อ Inverse ETF เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรได้" ชัยพร กล่าว

ยกตัวอย่างเช่น หากดัชนี SET50 TRI ปรับตัวลง 1% นักลงทุนที่ถือ Inverse ETF 2 เท่า (2x Inverse) สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ถึง 2% ในวันนั้น

ทั้งนี้ L&I ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองภาพใหญ่ของตลาด แต่ไม่ได้ติดตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัวอย่างใกล้ชิด และแม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า ETF ปกติ แต่ก็มีความเสี่ยงด้านการเสื่อมค่าตามเวลา (Time Decay) น้อยกว่า DW มาก

จึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้นประมาณ 1-10 วัน แต่ไม่เหมาะกับการถือลงทุนระยะยาวเป็นหลายเดือนหรือเป็นปี นอกจากนี้ ยังไม่ต้องคอยเติมเงินหลักประกัน (Margin Call) เหมือนการลงทุนในฟิวเจอร์ส ทำให้นักลงทุนบริหารจัดการพอร์ตได้ง่ายขึ้น

สำหรับบทบาทของ บล. บัวหลวง คือการทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ในราคาที่เหมาะสมและมีสภาพคล่องเพียงพอ โดยค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกองทุน ETF อื่นๆ ในตลาด

สำหรับ Leveraged และ Inverse ETF ที่จะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งแรกนั้น จะมีจำนวน 3 กองทุน และอ้างอิงดัชนี SET50 Total Return Index (SET50 TRI) ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด (BCAP) และมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายและผู้ดูแลสภาพคล่อง โดย L&I ETF ดังนี้

  • กองทุน Leveraged ETF ในชื่อ “2X01BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนแบบทวีคูณจำนวน 2 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นใจว่า ตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจนและต้องการสร้างผลตอบแทนรายวันที่สูงกว่าการลงทุนในดัชนีโดยตรง
  • กองทุน Inverse ETF ในชื่อ “1101BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ - 1 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตหุ้นเมื่อมองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
  • กองทุน Inverse ETF ในชื่อ "2101BSET50” มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนตรงกันข้ามแบบ -2 เท่าของผลตอบแทนรายวันของดัชนี SET50 TRI เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มั่นใจว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลงอย่างชัดเจนและต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาลง


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ