
เข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างจับตามองทิศทางและศักยภาพของภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด
วันนี้ธนาคารขนาดใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ประกาศผลประกอบการสามารถประคองกำไรให้เติบโตได้เล็กน้อย โดยรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ธนาคารกรุงเทพ ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงท้าทาย แม้จะเห็นสัญญาณบวกชั่วคราวจากการส่งออก แต่ภาคบริการและการบริโภคในประเทศยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการลดลงของนักท่องเที่ยว และภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น BBL รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีกำไรส่วนที่เป็นของธนาคารที่ 11,840 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเติบโต 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 11,807 ล้านบาท
โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 31,706 ล้านบาท ลดลง 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 12,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดข้ึน อยู่ที่ 10,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาส 1/68 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารลดลง 6.2% จากไตรมาสก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน
สําหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ลดลงจากค่าธรรมเนียมการอํานวยสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล
ขณะที่ธนาคารยังคงมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานลดลง ทั้งนี้ ธนาคาร พิจารณาตั้งสํารองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2568 ปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเร่งคําสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ และยานยนต์ ก่อนที่มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาจะมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งหลังของปี
สะท้อนความพยายามของภาคธุรกิจในการลดผลกระทบจากต้นทุนทางภาษี ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม แรงส่งดังกล่าวมีลักษณะชั่วคราว และยังไม่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุปสงค์ในระดับโลกอย่างแท้จริง
ขณะที่ภาคบริการซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการลดลงของจํานวนนักท่องเที่ยวจีน แม้ว่านักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอื่น อาทิ รัสเซีย อินเดีย และอาเซียน จะเพิ่มขึ้นและช่วยพยุงรายได้ภาคการท่องเที่ยวในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคบริการโดยรวม ในด้านเสถียรภาพราคา
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งแม้จะสะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนที่จํากัด แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความเปราะบาง ของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคของภาคครัวเรือนซึ่งยังถูกกดดันจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศซึ่งยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการใช้จ่ายภาคเอกชน
ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงดําเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ และมุ่งมั่นให้บริการทางการเงินที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้