
เปิดฉากอย่างเป็นทางการ สำหรับฤดูกาลประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO หุ้นขวัญใจนักลงทุนสายปันผล นำทัพรายงานเป็นรายแรกตามธรรมเนียม เผยกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/2568 ที่ 1,643.52 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ท่ามกลางความท้าทายจากรายได้ดอกเบี้ยที่หดตัว และผลกระทบจากความผันผวนรุนแรงของตลาดทุน
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น TISCO แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กำไรสุทธิสำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 ของบริษัทมีจำนวน 1,643.52 ล้านบาท ลดลงจำนวน 109.50 ล้านบาท หรือ 6.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 สาเหตุหลักมาจากรายได้รวมที่อ่อนตัวลง รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 1.7% ผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยชะลอตัวลง 5.5% จากธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนในภาวะที่ตลาดทุนผันผวนรุนแรง รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์อ่อนตัวลง 4.6% ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนชะลอตัวลง 0.5% จากการออกกองทุนใหม่ที่ลดลง
อีกทั้งกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์กลับมาเติบโต 11.7% จากการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย สอดคล้องกับปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้น
ในงวดนี้ บริษัทตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.0% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ตามแผนการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติในปีนี้ ในขณะที่มีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 7.0%
เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิของบริษัททรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้รวมเติบโต 2.4% แต่ถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นจาก 0.7% มาเป็น 1.0% ของสินเชื่อเฉลี่ย
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัว 8.4% สาเหตุหลักมาจากค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ จากการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย
ประกอบกับบริษัทรับรู้กำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุนยังคงอ่อนแอ ทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจจัดการกองทุน อ่อนตัวลง 18.3% และ 8.5% ตามลำดับ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้