
ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ การมองหาทางเลือกอื่นเพื่อเพิ่มพูนรายได้จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่อยากให้ “เงินทำงาน” แทนตัวเอง หนึ่งในทางเลือกยอดนิยมที่ถูกพูดถึงบ่อยในช่วงหลัง ๆ คือ “หุ้นกู้”แต่ก่อนจะรีบคลิกซื้อ หรือหลงคิดว่า “หุ้นกู้คือของตาย” เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานกันให้แน่ชัดก่อนดีกว่า
หุ้นกู้ (Corporate Bond หรือ Debenture) คือ “ตราสารหนี้” ที่ภาคเอกชนออกเพื่อระดมเงินทุนจากนักลงทุน เป็นการที่นักลงทุน “ให้เงินกู้” แก่บริษัท แลกกับ “ดอกเบี้ย” ที่บริษัทจะจ่ายเป็นงวด ๆ และคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
ต่างจากการลงทุนใน “หุ้นสามัญ” ที่ผู้ลงทุนจะเป็นเจ้าของกิจการบางส่วนและได้กำไรจากส่วนแบ่งผลประกอบการ (ปันผล) หรือส่วนต่างราคา หุ้นกู้จึงไม่ใช่การเป็นเจ้าของ แต่เป็น “เจ้าหนี้”
เพราะเป็นวิธีการระดมทุนที่รวดเร็ว และบางครั้งมีต้นทุนต่ำกว่าการขอกู้จากธนาคาร โดยไม่ต้องเสียหุ้นในบริษัทให้กับนักลงทุนเหมือนกับการเสนอขายหุ้นสามัญ
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนจำนวนมากก็ชื่นชอบหุ้นกู้ เพราะให้ผลตอบแทนที่แน่นอนตามที่ตกลงไว้ และมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก หรือพันธบัตรรัฐบาล
แต่อย่าคิดว่าเป็นการลงทุนแบบ "ไม่เสี่ยง" หรือ “ได้กำไรแน่ ๆ” เพราะความจริง หุ้นกู้มีหลากหลายระดับความเสี่ยง และมักมีความเข้าใจผิด ๆ ที่แพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนมือใหม่
1. หุ้นกู้ = ปลอดภัยเสมอ
ระดับความเสี่ยงของหุ้นกู้จึงขึ้นอยู่กับความมั่นคงของ “ผู้ออกหุ้นกู้” เช่น บริษัทที่มีอันดับเครดิตสูง (Investment Grade) จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่า
2. ซื้อหุ้นกู้แล้ว ราคาจะคงที่
ถ้าขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด อาจได้ราคาน้อยกว่าที่ซื้อมา
3. หุ้นกู้ทุกตัวเหมือนกัน
ความเชื่อผิด: หุ้นกู้ก็คือหุ้นกู้ เลือกตัวไหนก็ได้ ดอกเบี้ยก็คล้าย ๆ กัน
ความจริง: หุ้นกู้แต่ละตัวมีความแตกต่างหลายด้าน เช่น
ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาเอกสารเสนอขาย (Fact Sheet / หนังสือชี้ชวน) ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
4. ราคาหุ้นกู้เคลื่อนไหวสวนทางดอกเบี้ยเสมอ
5. ดอกเบี้ยที่ได้จากหุ้นกู้ = ไม่ต้องเสียภาษี?
ความเชื่อผิด: นักลงทุนบางคนเข้าใจว่า ดอกเบี้ยหรือกำไรจากหุ้นกู้ ไม่ต้องเสียภาษี
ความจริง: รายได้จากหุ้นกู้ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เช่น
บางกรณีมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว แต่บางครั้งผู้ลงทุนอาจต้องนำไปรวมคำนวณภาษีปลายปีด้วย ขึ้นอยู่กับสถานะรายได้
สรุปแล้ว “หุ้นกู้” เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีศักยภาพให้ผลตอบแทนแน่นอนกว่าหุ้นสามัญ และได้รับความนิยมในช่วงที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ ที่ใครจะซื้อก็รวย หรือ ได้ผลตอบแทนดีเสมอไป หน้าที่ของนักลงทุนควรศึกษาให้เข้าใจถึงความเสี่ยง เงื่อนไข และลักษณะของหุ้นกู้แต่ละตัวอย่างถี่ถ้วนก่อนลงทุน และควรพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. หรือหนังสือชี้ชวนที่เปิดเผยรายละเอียดอย่างโปร่งใส เพราะในโลกของการเงิน ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือการป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุด
ที่มา : ก.ล.ต.
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney