“ภาษีทรัมป์” 36% ถล่มหุ้นไทย ลุ้น 1 ส.ค. ข้อเสนอถูกใจสหรัฐฯ เปิด 5 ความเป็นไปได้ แบบไหนเวิร์คสุด ?

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“ภาษีทรัมป์” 36% ถล่มหุ้นไทย ลุ้น 1 ส.ค. ข้อเสนอถูกใจสหรัฐฯ เปิด 5 ความเป็นไปได้ แบบไหนเวิร์คสุด ?

Date Time: 8 ก.ค. 2568 13:29 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ตลาดหุ้นไทยเสี่ยงดิ่ง 3% จากประเด็นภาษีทรัมป์ ต้องจับตาผลเจรจา 1 ส.ค. นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ฯ แบ่งเป็น 5 ความเป็นไปได้ที่จะกำหนดทิศทางดัชนีในอนาคต

Latest


วันนี้ใครตื่นมาก็ต้องขยี้ตาแรงๆ กับตัวเลขภาษีที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับไทย บอกเลยว่าตัวเลข 36% นี้ ทำเอาหลายคนใจหายวาบ เพราะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว เรตนี้ถือว่าสูงไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว

งานนี้ถือเป็นความท้าทายด่านสำคัญของประเทศไทย ที่เศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เหมือนเจอโจทย์ยากที่ต้องรีบแก้ก่อนเวลาจะหมด หลังสหรัฐฯ ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 3 สัปดาห์

ทำให้เส้นตายใหม่จะไปมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ พร้อมกันทุกประเทศ จากเดิมที่กำหนดไว้ 9 กรกฎาคม เท่ากับว่าเรามีเวลาหายใจหายคอและเจรจาต่อรองกันอีกรอบหนึ่ง

ล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทย หรือ SET Index ปิดการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ (8 ก.ค.68) ที่ระดับ 1,118.47 จุด ลดลง -4.53 จุด หรือ -0.40% นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ชี้ ตลาดหุ้นไทยเสี่ยงดิ่งถึง 3% จากประเด็นดังกล่าว จับตาผลเจรจา 1 ส.ค. นี้ พร้อมเปิดเป็น 5 ความเป็นไปได้ที่จะกำหนดทิศทางดัชนีในอนาคต


ถ้าโดน 36% จริง หุ้นไทยสะเทือนแค่ไหน ? 

ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า หากนับเฉพาะผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย กลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ หนักๆ มี 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ เกษตร (AGRI), อาหาร (FOOD), ปิโตรเคมี (PETRO), และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)

เมื่อคำนวณดูแล้ว หุ้นใน 4 กลุ่มนี้มีสัดส่วน

  • 3.3% ของมูลค่าตลาดรวม (Market Cap)

  • 3.1% ของรายได้รวม

  • 1.1% ของกำไรรวม

ดังนั้น ประเมินว่าหากการส่งออกของ 4 กลุ่มนี้ไปยังสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงักไปทั้งหมดจริง (ซึ่งเป็นกรณีเลวร้าย) อาจกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงได้ประมาณ -3%

แล้วถ้าตลาดผันผวนแบบนี้ จะลงทุนอย่างไรดี ? บล.เอเซีย พลัส แนะนำให้หันไปพักใจใน หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และ หุ้นอิงปัจจัย 4 ที่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คนก็ยังต้องกินต้องใช้ ได้แก่ MTC, SAWAD, TISCO, SPALI, SIRI, BDMS, BH, BCH เป็นต้น


เปิด 5 ความเป็นไปได้ ลุ้นดีล 1 สิงหาฯ แบบไหนปัง แบบไหนพัง?

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า ช่วงเวลาก่อนถึงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ คือ "ช่วงเวลาแห่งการเจรจา" เพื่อลดดีกรีความร้อนแรงของตัวเลขภาษี เบื้องต้นประเมินว่าเป็นปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาระยะสั้นต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แต่เชื่อว่าตลาดจะไม่ลงแรงจนน่าตกใจ เพราะส่วนหนึ่งตลาดได้รับรู้และสะท้อนข่าวนี้ไปในราคาหุ้นบ้างแล้ว (Price In)

ทีนี้มาถึงไฮไลท์สำคัญ บล.กรุงศรี ได้ประเมิน 5 ความเป็นไปได้ที่เป็นไปได้ ว่าผลการเจรจาจะออกมาหน้าไหน และตลาดหุ้นไทยจะตอบรับอย่างไรบ้าง สรุปได้ดังนี้


ความเป็นไปได้ที่ 1: ดีลดีที่สุด (Best Case)

  • ดีล: ไทยได้ลดภาษีเหลือ 10-15% (ดีกว่าเวียดนาม)

  • ผลต่อตลาดหุ้นไทย: ตอบรับเชิงบวกเต็มๆ (Bullish) อาจบวกได้ถึง 3-5%

  • หุ้นเด่นน่าจับตา:

    • นิคมอุตสาหกรรม (FDI จีนย้ายฐาน): WHA, AMATA

    • ส่งออกเทคฯ: DELTA, KCE, HANA

    • ส่งออกอาหาร: TU, ITC, AAI, CPF, STA

    • กลุ่มนำเข้า (ถ้าไทยยอมลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ แลกกัน): COM7, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK

    • นำเข้าเทคโนโลยี/โครงสร้างพื้นฐาน: GULF, GPSC, ADVANC, TRUE


ความเป็นไปได้ที่ 2: ดีลดีใช้ได้

  • ดีล: ไทยได้ภาษี 15-18% (ดีกว่าเวียดนามเล็กน้อย)

  • ผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย: แกว่งตัวในกรอบ 1,130-1,180 จุด

  • หุ้นเด่นน่าจับตา:

    • ส่งออก (เลือกตัวเด่น): KCE, HANA

    • นิคมฯ: WHA, AMATA (ยังน่าสะสม)

    • กลุ่มนำเข้า: ADVANC, COM7, ADVICE, INSET

    • นำเข้าก๊าซ: PTTGC, GPSC, BGRIM


ความเป็นไปได้ที่ 3: ดีลเท่าเวียดนาม

  • ดีล: ไทยได้ภาษี 19-21% (เท่าเวียดนาม)

  • ผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย: เป็นกลางถึงบวกในกรอบแคบๆ

  • หุ้นเด่นน่าจับตา:

    • กลุ่มปลอดภัยในประเทศ (Domestic Defensive): BDMS, CPALL

    • โรงไฟฟ้า: GULF, GPSC

    • เปิดเมือง-ท่องเที่ยว: MINT, CENTEL

    • เช่าซื้อ: KTC, MTC


ความเป็นไปได้ที่ 4: ดีลเริ่มไม่ดี

  • ดีล: ไทยโดนภาษี 22-25% (แย่กว่าเวียดนาม)

  • ผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย: มีโอกาสแกว่งตัว ต่ำกว่า 1,100 จุด

  • หุ้นเด่นน่าจับตา:

    • พลังงาน: PTTEP, BANPU

    • โรงพยาบาล: BDMS

    • หุ้นใหญ่ในประเทศที่ยัง Laggard: ADVANC, GULF

    • เช่าซื้อ: KTC, MTC, SAWAD


ความเป็นไปได้ที่ 5: ดีลแย่ที่สุด (Worst Case)

  • ดีล: ไทยถูกเก็บภาษี มากกว่า 25%

  • ผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย: ปรับฐานแรง มีโอกาสลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมแถว 1,053 จุด

  • หุ้นเด่นน่าจับตา:

    • กลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยลด: KTC, MTC

    • ปันผลสูง: ADVANC, AP

    • หุ้นหนี้สูง: TRUE, MINT, CPALL

    • พลังงานสะอาด/โรงพยาบาล: GULF, BCPG, BDMS, BCH, CHG

    • ท่องเที่ยว: CENTEL, ERW


จากนี้ไปนักลงทุนคงต้องจับตาดูการทำงานของภาครัฐในการเจรจาต่อรองอย่างใกล้ชิด เพราะผลลัพธ์ที่จะประกาศในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างแท้จริง


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้

https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ