ความขัดแย้งในตะวันออกกลางปะทุ หลังการโจมตีระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน หนุนให้ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นทันที นักวิเคราะห์ฯ เปิดผลกระทบหุ้นไทย เช็กด่วน หุ้นไหน “ได้-เสีย” ประโยชน์
ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาอย่างใกล้ชิด ล่าสุดได้กลับมาปะทุอีกครั้ง โดยเฉพาะสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ได้ทวีความตึงเครียดขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตะวันออกกลางคือหัวใจสำคัญของแหล่งพลังงาน หากเกิดความไม่สงบใดๆ ในภูมิภาคนี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก และทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อไปยังต้นทุนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และค่าครองชีพของประชาชนทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ล่าสุด สถานการณ์ได้เดินทางมาถึงจุดที่น่ากังวล หลังมีรายงานข่าวการโจมตีกันระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดตัวพุ่งขึ้นทันที
ดังนั้น เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตลาดทุนไทย Thairath Money ได้รวบรวมมุมมองจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ชั้นนำ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน ดังนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เมื่อเวลา 7:43 น. ตามเวลาในไทย มีข่าวว่าอิสราเอลโจมตีทางอากาศในอิหร่าน โดยมีรายงานเสียงระเบิดในกรุงเตหะราน ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลประกาศภาวะฉุกเฉินพิเศษ เตรียมรับมือการตอบโต้ด้วยโดรนและขีปนาวุธจากอิหร่าน
ทั้งนี้ ประเมินว่าข่าวนี้ เป็นประเด็นลบต่อตลาดหุ้นจากความเสี่ยงที่สูงขึ้น กลุ่มที่ถูกกระทบโดยตรง คือ ผู้ใช้น้ำมัน ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มสายการบิน ขณะที่หุ้น PTTEP ผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะได้ประโยชน์จากข่าวนี้ ส่วนราคาทองคำ จะได้อานิสงค์ไปด้วย
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน เตือนว่าหากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบใหม่กับสหรัฐฯ ล้มเหลวและนำไปสู่ความขัดแย้งทางทหาร อิหร่านพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ทั่วตะวันออกกลาง ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง หนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงในคืนที่ผ่านมา
ในส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นเชื่อมโยงกับภาพต่างประเทศและได้ปัจจัยบวกของราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างหุ้น TOP และหุ้น PTTGC เป็นต้น
ด้าน ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า อิหร่านเคยประกาศว่าจะตอบโต้ กลับหากถูกโจมตี การที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหารและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างสองประเทศที่เป็นศัตรูกันมาอย่างยาวนาน และอาจนำไปสู่สงครามครั้งใหม่ ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้เช้านี้สินทรัพย์ต่างๆ นำโดยน้ำมันดิบ WTI พุ่ง +5.3% ทองคำขึ้นแรง +1% และตลาดหุ้น ฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วงมากกว่า 1%
ประเด็นความไม่สงบในตะวันออกลาง อาจเป็นประเด็นเชิงลบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย แต่คาดมีหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นตัวพยุง ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น และยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมันจากต้นปี ที่ขึ้นมา 1.45% อาทิ หุ้น PTTEP, PTT, BCP, PTTGC เป็นต้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้