
นับเป็นข่าวใหญ่และส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เมื่อศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีคำตัดสินสั่งระงับมาตรการภาษี ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 โดยชี้ว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ปี 1977 กำหนดไว้ ส่งผลให้ภาษีดังกล่าวถูกยกเลิกทันที
ประเด็นดังกล่าว ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่านี่คือปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า และส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะในตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักวิเคราะห์ฯ ประเมินว่าแม้จะกลับไปถูกเก็บภาษีในระดับเดิมที่ 10% แต่เศรษฐกิจไทยยังมีอัตราการเติบโตที่ต่ำ 2-3% ทำให้ประเด็นนี้ อาจมีผลเชิงบวกได้ไม่มากนัก
ดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ณ เวลา 11.00 น. อยู่ที่ 1,170.01 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.27 จุด หรือ +0.80% จากวันก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ดังนี้
ข้อมูลจาก : investing.com
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า เช้านี้ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตัดสินสั่งระงับการจัดเก็บภาษีเท่าเทียมของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่าใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมาย IEEPA ปี 1977 ที่กำหนดไว้ ผลคือ ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ถูกยกเลิกทันที อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถยื่นอุทธรณ์คำตัดสินได้ต่อศาล ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามผลต่อตลาดหุ้น
เช้านี้ อิง Nasdaq Futures +1.6%, DAX Futures +1.0%, ทองคำ -1.16% โดยประเมินมองบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งหุ้นสหรัฐ และ ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มองปรับขึ้น โดยหุ้นที่คาดจะได้ผลบวกจากภาษีนำเข้าถูกระงับ คือ กลุ่ม Global Play และกลุ่มเทคโนโลยีหลัก ดังนี้
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจัยที่สำคัญวันนี้ คือการที่ศาลฝั่งสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าอัตราภาษีศุลกากรของ Republican ถือว่าผิดกฎหมาย และถูกระงับโดยศาลการค้าสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเสาหลักของแผนงานเศรษฐกิจ Republican ทำให้จากนี้รอดูท่าทีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการดำเนินนโยบาย
ล่าสุด Dow Jones Future แกว่งบวก 1% และเป็นไปได้ที่เช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียจะตอบรับเชิงบวกเช่นกัน แต่กับตลาดหุ้นไทยนั้น หากภาษีนำเข้าลดลงไประดับเดิม หรือคงไว้ที่ระดับ 10% ในอดีตที่ผ่านมาก็พบว่าเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้ ในอัตราเพียง 2-3% เท่านั้น
เมื่อผสานกับการท่องเที่ยวที่เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจนทำให้พื้นฐานของไทยนั้นถือว่ายังไม่แข็งแกร่ง ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ค่อยเติบโตเท่าใดนัก ทำให้ภาษีของสหรัฐฯ หากยกเลิกหรือว่าคงไว้ระดับ 10% ก็มีผลเชิงบวก (Upside) ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็จะช่วยจำกัด Downside ของเศรษฐกิจไว้ได้
แต่ปัญหาหลักของไทยวันนี้ อาจเป็นที่การท่องเที่ยวมากกว่า เพราะฉะนั้นหากเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าที่ถูกจำกัด และทำให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นก็จะเป็นบวกกับเศรษฐกิจไทย
แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นจากข่าวภาษีสหรัฐฯมองกลุ่มส่งออกรับปัจจัยหนุน ได้แก่ KCE, DELTA, HANA, TU และ ITC และกลุ่มปิโตรเคมี ได้แก่ PTTGC และ IVL เป็นต้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้