บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DUSIT กำลังเผชิญสถานการณ์ท้าทาย หลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 โดยประเด็นหลักคือ การที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีมติ "ไม่เห็นชอบ" งบการเงินประจำปี 2567 และการประชุมยังประสบปัญหาขัดข้องทางเทคนิคในระบบออนไลน์ (E-Meeting) ด้วย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ความเห็นว่าประเด็นดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรงกับงบการเงินและมติของผู้ถือหุ้น ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติในกรณีที่คล้ายคลึงกัน ตลท. จะแจ้งเตือนให้บริษัทจดทะเบียนเร่งดำเนินการหาทางออก และบริษัทมีหน้าที่ต้องเร่งจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ แนะนำให้นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิด
ในมุมมองของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นปัจจัยลบเชิงจิตวิทยาในระยะสั้นต่อผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งอาจตีความไปถึงความเป็นไปได้ของปัญหาภายใน และกดดันต่อราคาหุ้น DUSIT
อย่างไรก็ตาม ยังยากที่จะคาดการณ์ทิศทางในอนาคต แต่เชื่อว่า "ไม่กระทบ" ต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน แนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการอนุมัติโครงการใหม่ๆ ในอนาคต
สำหรับราคาหุ้น DUSIT นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ปรับตัวลดลง 2.60 บาท หรือ -24.76% มาอยู่ที่ 7.90 บาท ณ ราคาปิดตลาดวันที่ 30 เมษายน 2568
ตามที่บริษัท ดุสิตธานี จํากัด (มหาชน) หรือหุ้น DUSIT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์พร้อมกัน
ซึ่งประเด็นหลัก คือ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีมติไม่เห็นชอบงบการเงินปี 2567 แม้ว่าจะเป็นงบที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยผู้สอบบัญชีแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคในระบบประชุมออนไลน์ (E-Meeting) ทำให้ผู้ถือหุ้นบางส่วนไม่สามารถซักถามได้ และยังมีผู้ตั้งคำถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของการมอบฉันทะของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งมีคดีอยู่ในศาล
จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทจึงตัดสินใจเลื่อนการประชุมออกไปเพื่อตรวจสอบผลคะแนนงบการเงินให้ชัดเจน หารือทำความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถึงเหตุผลในการไม่เห็นชอบงบ และแก้ไขปัญหาทางเทคนิค เพื่อให้การประชุมครั้งต่อไปดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและรักษาความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
ปวีณา ศรีโพธิ์ทอง รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า ประเด็นดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัท โดยปกติแล้วหากเป็นเรื่องของมติผู้ถือหุ้น ต้องดูว่าบริษัทจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ
หากเทียบกับกรณีที่เกิดขึ้นลักษณะเดียวกันในอดีต ในมุมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะมีการแจ้งเตือนไปยังบริษัทจดทะเบียนให้เร่งดำเนินการเพื่อหาทางออก โดยบริษัทจะต้องเร่งจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนที่ให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าว แนะนำให้ติดตามผลการประชุมที่บริษัทจะจัดขึ้นในครั้งถัดไป เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ประเด็นที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีมติไม่เห็นชอบงบการเงินปี 2567 นั้น มองว่าเป็น Sentiment เชิงลบ ระยะสั้นกับผู้ลงทุนรายย่อย จากสมมติฐานที่อาจสะท้อนได้ว่ามีปัญหาภายในหรือไม่ ซึ่งจะกระทบต่อราคาหุ้น และปริมาณการซื้อขายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม งบการเงินปี 2567 นั้น ไม่ได้มีประเด็นเรื่องของผู้ตรวจสอบบัญชี
ในตลาดทุนไทยยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นเดียวกันนี้มาก่อน ทำให้ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าทิศทางการจัดการปัญหาดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และจากที่สอบถามไปยังบริษัทว่า หากรอบหน้ายังไม่สามารถอนุมัติงบการเงินได้จะทำอย่างไร ก็ยังไม่ได้รับรายละเอียดที่ชัดเจนจากบริษัท แต่จะมีการเข้าไปเจรจากับผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อน
สำหรับทิศทางธุรกิจและคาดการณ์ผลประกอบการของ DUSIT นั้น ยังคงเดิม โดยเชื่อว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าจะมีผลกระทบในอนาคตหรือไม่ เช่น หากมีโครงการใหม่ๆ ในอนาคต อาจมีการอนุมัติยากขึ้น
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนที่มีความกังวลกับประเด็นดังกล่าว หากไม่มีสถานะการลงทุน ยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน แต่หากมีหุ้นอยู่ในพอร์ตอาจทยอยแบ่งขายออกมาได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มองว่าราคาหุ้นในระดับนี้ สามารถถือต่อได้ เพื่อรับประโยชน์จากโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
โดย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุม Guidance ปี 2568 ของบริษัทและพัฒนาการของโครงการ Dusit Central Park ยังเป็นไปตามคาดการณ์ก่อนหน้า ทำให้คงคาดการณ์กำไรปกติปี 2568-2569 ที่ 520 ล้านบาทและ 1.8 พันล้านบาท ตามลำดับ
การเติบโตหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และผลบวกของโครงการ Dusit Central Park โดยเฉพาะในครึ่งหลังปี 2568 หลังผ่านการช่วง Ramp-up โรงแรมใหม่ การเปิดโครงการเต็มรูปแบบ และการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ Residence ช่วงปลายปี โดยคงราคาเหมาะสม 14.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบัน ถือว่า Valuation ไม่แพงแล้ว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะกลาง-ยาว
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้