SET เด้งแรง เปิดลิสต์หุ้นไทยน่าซื้อ หลัง “ทรัมป์” ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ให้ 75 ประเทศที่ไม่ตอบโต้

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

SET เด้งแรง เปิดลิสต์หุ้นไทยน่าซื้อ หลัง “ทรัมป์” ระงับขึ้นภาษี 90 วัน ให้ 75 ประเทศที่ไม่ตอบโต้

Date Time: 10 เม.ย. 2568 10:37 น.

Video

กลาง ธ.ค.ลุ้น! ฝนถล่มภาคใต้รอบใหม่ น้ำลดรอบนี้ต้องรีบทำอะไร? | Thairath Money Night Stand EP.26

Summary

แม้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงกดดันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดดูเหมือนพายุจะเริ่มสงบลงชั่วคราว เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน กับ 75 ประเทศ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวแรง

Latest


ตลาดหุ้นไทยเพิ่งเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) กับหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนซึมลงทันที

ดัชนี SET Index ดิ่งลงอย่างรุนแรงถึง 84.51 จุด หรือคิดเป็นการปรับตัวลดลงกว่า 7.21% ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน (ระหว่างวันที่ 2-9 เมษายน 2568) สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเป็นวงกว้างถึงผลกระทบต่อภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยโดยรวม

แต่ล่าสุด ดูเหมือนพายุจะเริ่มสงบลงชั่วคราว เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน โดยให้มีผลทันที การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกว่า 75 ประเทศได้ติดต่อขอเจรจากับทางการสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับประเด็นทางการค้า

ประเด็นดังกล่าวเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยเช้าวันนี้ (10 เมษายน 2568) ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวแรง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่างมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น และนี่อาจเป็นจังหวะสำคัญในการลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับตัวลงมามากในช่วงก่อนหน้า เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) เป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ในทันที โดยเปิดเผยถึงสาเหตุของการระงับภาษีดังกล่าวว่า มาจากการที่ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 75 ประเทศได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่สหรัฐเพื่อทำการเจรจาหาทางออกต่อความกังวลทางการค้า ที่เขาได้ยกมาเป็นเหตุผลในการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว

นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีน สู่ระดับ 125% จากเดิมที่ระดับ 104% โดยมีผลบังคับใช้ในทันที เพื่อตอบโต้ต่อการที่จีนเพิ่มการเรียก เก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ สู่ระดับ 84% จากเดิมที่ระดับ 34%

สำหรับประเด็นนี้มองเป็นบวกระยะสั้น คาดตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นระยะสั้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยได้คัดเลือกหุ้นที่คาดว่าจะมีโอกาส outperform ดัชนีตลาดหุ้นไทยระยะสั้น โดยเลือกจากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และราคาหุ้นปรับลงแรง นับจากวันที่ 2 เมษายน 2568 (วันที่ทรัมป์ ประกาศภาษี reciprocal tariffs) ได้แก่ AMATA, WHA, AAI, EPG, SPRC, SJWD, AAV, PTTEP, MASTER, MEDEZE, GULF, COCOCO, KTB, KBANK, CBG

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า รมว. คลังเปิดเผยว่า ข้อมูลที่จะเตรียมไปเจรจากับสหรัฐฯ ปัจจุบันมีความพร้อมหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเมินหากการเจรจาไม่เป็นผล ต้องมีการเตรียมแผนสำรองสำหรับวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงถดถอยรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ระดับ 64% เทียบเพดานหนี้ที่ 70% ทั้งนี้ การเพิ่มเพดานหนี้ หากการใช้เงินไปสร้างเสถียรภาพระยะสั้น ตามด้วยลงทุนสร้างอุตสาหกรรม/ธุรกิจใหม่ เพื่อลดผลกระทบวิกฤติครั้งนี้ระยะยาว เราประเมินจะสร้างผลบวก แต่หากใช้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อาจจะนำมาสู่ความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะ Credit Rating ทำให้ต้นทุนกู้ยืมโดยรวมประเทศสูงขึ้น และกระทบกำไรตลาด

ทั้งนี้ โดยรวมประเมินทางออกไทยต่อผลกระทบมาตรการกีดกันการค้าปัจจุบันยังยืดหยุ่นพอสมควร ประเมินตลาดที่ตอบรับความเสี่ยงการค้าไปแล้ว อาจจะเริ่มให้น้ำหนักด้านบวกอื่นที่อาจเกิดขึ้น ผสานระยะสั้นที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการขึ้นภาษี Reciprocal tax เป็นเวลา 90 วันให้กับ 75 ประเทศที่ไม่ตอบโต้ ดังนั้น เชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นประเมินหุ้นที่ถูกกดดันหลักๆ อาทิ หุ้นเกษตร อาหาร ชิ้นส่วน ยานยนต์ และนิคมมีโอกาสฟื้นตัวแรง

อย่างไรก็ดี ระยะกลางความไม่แน่นอนที่ยังมีระยะกลางต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหุ้นอิงภายนอก นักลงทุนที่เน้นปลอดภัย ให้มองหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ ที่มูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน (Undervalue) ได้แก่ CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, BDMS, MTC) และกรณีเกิดสถานการณ์คลายภาษี แนะนำเพิ่มสถานะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (KBANK), อสังหาริมทรัพย์ (SIRI, LH) และท่องเที่ยว (AOT, MINT)


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ