
ย้อนรอยเรื่องราวของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น ITD ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น "ยักษ์ใหญ่" แห่งวงการรับเหมาก่อสร้างไทย สร้างเมกะโปรเจกต์มากมาย ต่อมามรสุมลูกใหญ่ก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุด จนกลายเป็น "วิบากกรรม" หนี้สิน การขาดทุนสะสม และความเชื่อมั่น ที่สั่นคลอนทั้งบริษัทและราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
ภาพของ ITD คือ ผู้รับเหมารายใหญ่ที่ประมูลงานภาครัฐและเอกชนได้ต่อเนื่อง ทั้งทางด่วน-ถนน รันเวย์สนามบิน รถไฟฟ้า และตึกสูง โครงการเหล่านี้สร้างรายได้มหาศาล และทำให้ชื่อของ ITD เป็นที่ยอมรับในผู้นำของวงการ
แต่ท่ามกลางความสำเร็จ ปมปัญหาก็เริ่มก่อตัวขึ้น เพราะการขยายธุรกิจและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่บางครั้งอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ อย่างการยกเลิกสัญญาโครงการท่าเรือน้ำลึกที่เมียนมา ที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “โครงการทวาย” หรือแม้แต่ความล่าช้าของโครงการต่างๆ ในประเทศ ทำให้บริษัทเสียหายอย่างมาก
หากไปดูผลประกอบการจะพบว่าแม้รายได้เติบโต แต่บริษัทขาดทุนสุทธิตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนมียอดขาดทุนสะสมรวมกว่า 11,636.09 ล้านบาท ทำให้บริษัทเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 (31 ธันวาคม 2568) เผยให้เห็นว่า ITD กำลังเผชิญความเสี่ยงอีกด้าน เมื่อบริษัทไม่สามารถดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ให้อยู่ในระดับตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินได้
การผิดเงื่อนไขข้อนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะตามหลักการแล้วเปิดช่องให้ธนาคารเจ้าหนี้มีสิทธิ์ตามสัญญาที่จะเรียกคืนเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่คงค้างอยู่ทั้งหมดได้ทันที ซึ่ง ณ เวลานั้น คิดเป็นมูลค่ารวมสูงถึงประมาณ 3,413 ล้านบาท
สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาอีกลูก ที่ซ้ำเติมปัญหาผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ที่มีมาก่อนหน้านี้ จากปัญหาการขาดสภาพคล่อง แม้ผู้ถือหุ้นกู้อนุมัติผ่อนผันเลื่อนจ่ายเงินต้นทั้งหมด 5 รุ่น ออกไปอีก 2 ปี แต่ทำให้ฐานะทางการเงินของ ITD ยิ่งดูเปราะบางและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น ITD ลดลงจาก 2.08 บาท เหลือเพียง 0.19 บาท ณ ราคาปิดวันที่ 31 มีนาคม 2568 ลดลง 1.89 บาท หรือ -90.87%
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังคงระส่ำระสายของ ITD และความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ทั่วกรุงเทพมหานคร สร้างความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนจำนวนมาก
แต่ข่าวร้ายที่สร้างความสะเทือนขวัญที่สุดคือ อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่เกิดการทรุดตัวและพังถล่มลงมา จากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวขนาด 8.2 ศูนย์กลางเมียนมา มีภาพความเสียหายรุนแรงของอาคารหน่วยงานตรวจสอบภาครัฐที่สำคัญ ก็สร้างความหดหู่และคำถามถึงมาตรฐานการก่อสร้างในทันที
แม้เหตุการณ์แผ่นดินไหวและตึก สตง. ถล่ม จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ "วิบากกรรมหนี้สิน" ของ ITD ในทันที แต่เหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ก็ซ้ำเติมบรรยากาศความไม่แน่นอน ทั้งในตลาดหุ้นไทยและสังคมเข้าไปอีก
เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา นักลงทุนแห่เทขายหุ้น ITD เพื่อลดความเสี่ยง กดราคาหุ้นลดลงอย่างหนักเกือบติดฟลอร์ (ราคาต่ำสุดของวัน) อยู่ที่ 0.19 บาท ลดลง 0.07 บาท หรือ -26.92%
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทฯ ในนามของ กิจการร่วมค้า "ไอทีดี-ซีอาร์อีซี" (ITD-CREC Joint Venture) เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโครงการอาคาร สตง. แห่งใหม่ สูง 30 ชั้น ที่ประสบเหตุ โดยได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้ได้รับบาดเจ็บจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้
ทันทีหลังเกิดเหตุ ITD ได้ จัดส่งทีมงานวิศวกรและเครื่องจักรกลต่างๆ เข้าไปในพื้นที่ เพื่อร่วมสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ กิจการร่วมค้าฯ ได้ ทำประกันภัยสำหรับโครงการก่อสร้างนี้ไว้เต็มมูลค่างานตามสัญญา เป็นจำนวนเงิน 2,136 ล้านบาท ความคุ้มครองของประกันภัยดังกล่าว ครอบคลุมถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติ (ซึ่งรวมถึงแผ่นดินไหว) นอกจากนี้ ยังมี ความคุ้มครองความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกอีก 100 ล้านบาท
ในเอกสารดังกล่าว ITD แสดงความมั่นใจว่า เหตุการณ์ตึกถล่มครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบทางการเงินต่อโครงการก่อสร้างอื่นๆ ที่บริษัทดำเนินการอยู่ เนื่องจากมีความคุ้มครองจากประกันภัยรองรับอยู่แล้ว
ส่วนทิศทางของหุ้น ITD ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จึงต้องจับตามองต่อไปว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมาเมื่อไร และบริษัทจะทำผลประกอบการตีกลับมาอย่างไรต่อไป ในวันที่การลงทุนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศยังไม่แน่ไม่นอน
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้