
กระแสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกลับมาเป็นที่น่าจับตา หลังตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นจากเดิม ความคาดหวังดังกล่าว ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ในขณะที่ประเทศไทยเอง นักลงทุนเตรียมรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยจากระดับ 2.25% หรือไม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากนักเศรษฐศาสตร์และ IMF ที่ออกมาแนะนำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนไว้ ดังนี้
ฝ่ายวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเริ่มลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดย FedWatch Tool คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน 6 (เดิมคาดเดือน 9) อย่างไรก็ตาม โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยยังมีความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงได้ โดยมีข้อสังเกตจากความน่าจะเป็นที่ต่ำกว่า 50%
ส่วนในประเทศไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ โดย Consensus (ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักวิจัยต่างๆ) คาดการณ์ว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25%
อย่างไรก็ตาม ยังมีสำนักเศรษฐกิจบางแห่งยังคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ 2.0% ซึ่งสอดคล้องกับกระแสเรียกร้องให้ “ปรับลดดอกเบี้ย” ในช่วงนี้ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งฟากรัฐบาล และนักเศรษฐศาสตร์บางสำนัก
รวมถึง IMF เสนอแนะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับจุดยืนนโยบายการเงิน เพื่อขับเคลื่อนอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำให้เข้าสู่เป้าหมาย รวมถึงการลดภาระของลูกหนี้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่รออยู่จากสงครามการค้าซึ่งอาจกดดันให้เศรษฐกิจไทยสะดุดในช่วงครึ่งหลังของปี
สำหรับธีมการลงทุนหุ้นเด่นรับความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ MTC, SAWAD, TIDLOR กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP, SIRI เป็นต้น ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์อาจได้รับแรงกดดัน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า IMF แนะนำให้ ธปท. พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้จะโต 2.9% แต่มียังมีความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก ความผันผวนของสินค้าโภคภัณฑ์ และภาระหนี้ของภาคเอกชนสูง
อย่างไรก็ตาม มองเป็น "บวก" ต่อกลุ่ม Rate Sensitive play อย่าง DIF, 3BBIF, CPNREIT, MC, SAWAD, MTC, TIDLOR, KKP และรอลุ้น ธปท. ลดดอกเบี้ยหรือไม่ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้