DBS ชี้หุ้นไทยมีลุ้น 1,500 จุด หุ้นไม่แพง ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจฟื้น แนะจัดพอร์ตแบบ “บาร์เบล”

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

DBS ชี้หุ้นไทยมีลุ้น 1,500 จุด หุ้นไม่แพง ท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจฟื้น แนะจัดพอร์ตแบบ “บาร์เบล”

Date Time: 14 ก.พ. 2568 09:00 น.

Video

บ้านไม่รวยสร้างตัวยากเปิด 3 ทางรอดที่คนรุ่นใหม่ต้องรู้ | Money Issue

Summary

  • DBS Bank มองดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,500 จุด แนะกลยุทธ์จัดพอร์ตแบบ "บาร์เบล" กระจายความเสี่ยง

Latest


DBS Bank มองดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,500 จุด พร้อมคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรที่ 6% โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลกในปี 2568 โดยเฉพาะนโยบายทรัมป์ DBS Bank แนะนำกลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ "บาร์เบล" เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยแบ่งการลงทุนเป็นสองส่วน ได้แก่ การลงทุนในภาคส่วนที่มีความผันผวนสูงเพื่อรับประโยชน์จากสหรัฐฯ และการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยง

หุ้นไทยมีลุ้น 1,500 จุด ชี้ “Valuation” ไม่สูง

เวย์ ฟุก โหว Chief Investment Office, DBS Bank เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,500 จุด และมีอัตราการเติบโตของกำไร (Earning Growth) ที่ระดับ 6% โดยปัจจุบันมองว่ามูลค่าหุ้นมี Valuation ที่ไม่สูงเกินไป

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง ยังมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาใกล้ระดับช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว แม้นักท่องเที่ยวจีนยังกลับมาไม่เต็มที่ แต่เชื่อว่ายังมีอัพไซด์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หนุนเศรษฐกิจไทยต่อไปได้

นอกจากนี้ ประเมินว่าอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดี ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้ประโยชน์จาก China+1 ของจีน และกลุ่มค้าปลีก ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

แนะจัดพอร์ตแบบ “บาร์เบล” กระจายความเสี่ยง

เวย์ ฟุก โหว กล่าวว่า ในปี 2568 สภาพภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจโลกยังคงมีความซับซ้อน และละเอียดอ่อนอย่างที่เป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้ารับตำแหน่งในวาระที่สองของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุน และสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะความยั่งยืนทางการคลัง และการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ที่กระตุ้นให้เกิดสงครามทางการค้า ท่ามกลางความย้อนแย้งของนโยบายการคลังที่ขยายตัว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น 

DBS เชื่อว่าการใช้กลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตแบบ “บาร์เบล” (Barbell Strategy) จะเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนใน 2 ส่วน ได้แก่

  • การลงทุนในภาคส่วนที่มีความผันผวนสูง (High Beta Sectors) เพื่อเกาะกระแสนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์
  • การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Defensive Assets) เพื่อลดความเสี่ยง และปกป้องพอร์ตจากผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์

อย่างไรก็ตาม ยังคงให้คงน้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯ ในระดับ “Overweight” เนื่องจากนโยบายการลดภาษีจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ พร้อมยังมีศักยภาพในการเติบโต และมีค่าเบต้าสูงถึง 1.4 เท่าของตลาดหุ้นโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนโยบายการลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ

และเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสงครามการค้า ทาง DBS จึงให้น้ำหนักลงทุน “Overweight” ในตราสารหนี้ (Fixed Income) เนื่องจากช่วยป้องกันความเสี่ยงขาลง หากความตึงเครียดทางการค้าทวีความรุนแรงขึ้น โดยผลตอบแทนจากพันธบัตรในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนที่กลับมาระดับ 4.4% ต่อปี

โดยแนะนำสัดส่วนการจัดพอร์ตลงทุน ดังนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ 32%
  • ตราสารหนี้เอกชนประเทศพัฒนาแล้ว 20%
  • สินทรัพย์ทางเลือก (ทองคำ, หุ้นนอกตลาด) 14%
  • ตราสารหนี้ประเทศกำลังพัฒนา 5%
  • พันธบัตรรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้ว 11%
  • ตลาดหุ้นเอเชียนอกญี่ปุ่น 11%, 
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 5%
  • ตลาดหุ้นยุโรป 2%

เปิดแนวโน้มสินทรัพย์การลงทุน

ตลาดหุ้น – สหรัฐฯ ยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง คาดการณ์ผลตอบแทนในตลาดสหรัฐฯที่สูงกว่าตลาดยุโรป และการเติบโตจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากการลดภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากนโยบายการคลังและการเงิน ในขณะที่การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะเติบโตลดลงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

แต่ DBS ยังคงคำแนะนำให้ลงทุนในตลาดเอเชียนอกญี่ปุ่น (Asia ex-Japan) เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดนี้ถูกกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว 34% ในกลุ่ม Asia ex-Japan  คาดว่าประเทศในอาเซียนจะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากการกระจายห่วงโซ่อุปทานของจีน ภายใต้กลยุทธ์ China+1

พันธบัตร – การจัดการความเสี่ยงจากนโยบายขยายตัวและภัยคุกคามจากภาษี ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า และนโยบายการขยายตัวภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์บ่งชี้ได้ว่าผลตอบแทนของพันธบัตรและตราสารหนี้ได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ

กลยุทธ์ของทาง DBS ยังคงใช้การลงทุนแบบ "บาร์เบล" โดยเน้นตราสารหนี้หรือพันธบัตรอายุ 2-3 ปี และ 7-10 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มเรตติ้งระดับ A/BBB ที่มีแนวโน้มเชิงบวกจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มตราสารหนี้ระดับ investment grade

สินทรัพย์ทางเลือก – ทองคำยังคงได้รับความนิยมแม้จะมีความท้าทายในระยะสั้น, ความไม่แน่นอนในตลาดยังคงสนับสนุนสินทรัพย์ทางเลือก DBS ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “Overweight” ในทองคำ เนื่องจากสินทรัพย์ปลอดภัยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังมีความตึงเครียดทางการค้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลังของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์

การใช้กลยุทธ์พอร์ตการลงทุนที่ผสมผสานสินทรัพย์ในตลาดและนอกตลาด โดยใช้กองทุนกึ่งสภาพคล่องในสินทรัพย์นอกตลาด (Semi-liquid Asset) จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจ และนโยบายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากสินทรัพย์นอกตลาดมีความสัมพันธ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับตลาด

สินค้าโภคภัณฑ์ - ยังมีความผันผวนต่อไปในระยะสั้น จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความต้องการสำหรับโลหะอุตสาหกรรม และสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร ขณะที่วาระความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐฯ อาจกดดันราคาน้ำมัน คาดว่าราคาของกาแฟและโกโก้ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เนื่องจากความต้องการทั่วโลกที่ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีอุปสรรคด้านอุปทาน

Thematic focus - การลงทุนในธุรกิจกีฬามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการถ่ายทอดสดกีฬาประเภทต่างๆกระจายไปถึงความตื่นตัวที่เพิ่มขึ้นสำหรับกีฬาผู้หญิงและเยาวชน รวมถึงการแข่งขันอีสปอร์ต ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ได้แก่: (i) ธุรกิจการวิเคราะห์ทางด้านกีฬา, (ii) ธุรกิจการสตรีมมิ่ง, (iii) ธุรกิจการขายตั๋ว, และ (iv) ธุรกิจเกมกีฬา

รู้จัก Barbell Strategy

ทั้งนี้ Barbell Strategy เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่แบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คล้ายกับดัมเบล (barbell) ที่มีน้ำหนักอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง

ส่วนแรก (ปลายด้านหนึ่ง) ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นความปลอดภัยและสภาพคล่องสูง เช่น

  • เงินสด
  • พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น
  • เงินฝากประจำ


ส่วนที่สอง (ปลายอีกด้าน) ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เช่น

  • หุ้นเติบโต
  • อสังหาริมทรัพย์
  • สินทรัพย์ทางเลือก

จุดเด่นของกลยุทธ์นี้คือ:

  • ช่วยกระจายความเสี่ยง โดยส่วนที่ปลอดภัยจะช่วยรองรับความผันผวนจากส่วนที่มีความเสี่ยงสูง
  • มีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนระหว่างสองส่วน
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้นไว้บางส่วน แต่ก็ต้องการโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์นี้ต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น เป้าหมายการลงทุน ระยะเวลา และความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน


อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ