เฟดอั้นลดดอกเบี้ยปีหน้าป่วนโลก ตลาดหุ้น-ค่าเงิน-ราคาทองระส่ำ “หุ้นไทย” ลบวูบเกือบ 22 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐฯ พร้อมกันนี้เฟดยังได้ส่งสัญญาณจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า ลดลงจากคาดการณ์รอบที่แล้วที่มองว่าจะปรับลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง

หลังผลการประชุมของ FOMC ออกมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ปรับลดลงแรง และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยดัชนี Dow Jones ปรับลดลง 1,123 จุด ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นวันที่สิบและเป็นการลดลงที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2517 ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ก็ปรับลดลงเช่นกัน ในด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นและส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาแตะระดับอ่อนค่าสุดที่ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าของวันที่ 19 ธ.ค.2567

นอกจากสกุลเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าแล้ว ในส่วนสกุลเงินอื่นๆในเอเชียก็พลอยอ่อนค่า เช่นสกุลเงินวอนของเกาหลีใต้ และสกุลเงินริงกิตของมาเลเซีย ต่างก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินวอนดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลก ขณะที่ค่าเงินริงกิตร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. สำหรับสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลงแตะระดับสำคัญที่ 155 เยนต่อดอลลาร์ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบาย ส่วนธนาคารกลางของอินเดียเริ่มลดกลยุทธ์การแทรกแซงสกุลเงินต่างประเทศเพื่อรับมือกับการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ

ด้านการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ปิดที่ 1,377.53 จุด ลดลง 21.42 จุด (-1.53%) โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก รับแรงกดดันจากเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีหน้า ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไม่ได้มีการปรับลดดอกเบี้ย

สำหรับราคาทองคำในประเทศเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา เปิดตลาดในช่วงเช้าได้ปรับลดลงทันที 200 บาท ระหว่างวันมีการปรับราคาขึ้นลง 7 ครั้ง รวมเท่ากับลดลง 100 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดของวันที่ 18 ธ.ค. โดยราคาทองคำแท่ง วันที่ 19 ธ.ค. ครั้งที่ 7 ร้านทอง ซื้อเข้าบาทละ 42,750 บาท และขายออกบาทละ 42,850 บาท

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเมื่อวันที่19 ธ.ค.ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงมาก โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 34.35-34.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกกดดันโดยการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี สหรัฐฯ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่เฟดได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการลดดอกเบี้ยในปีหน้าลงจากเดิมที่เฟดเคยประเมินไว้ว่าอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง หรือลดลงประมาณ 1% เหลือเพียง 2 ครั้ง หรือลดลงประมาณ 0.5%

ตลาดยังได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาเวลล์ ประธานเฟดที่ทำให้กังวลว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ หากคำนึงถึงผลกระทบจากการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงหนักกว่า -2.3% ของราคาทองคำ (XAUUSD) ซึ่งถูกกดดันจากทั้งการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีด้วย

ด้านนายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและ มีความผันผวนสูง โดยเฉพาะหลังเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เป็นสิ่งที่ ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการออกมาส่งสัญญาณในการลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก 2 ครั้งในปี 2568 ถือว่าต่างกับที่ตลาดคาดจากเดิมที่มองว่าเฟดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ย 4 ครั้งปีหน้า โดย ธปท.จะมีการติดตามสถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าและผันผวนต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และไม่ให้กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีที่ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยไว้นั้น เป็นการพิจารณาของ กนง.แต่ตนอยากเห็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงอีก และรักษากรอบเงินเฟ้อให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม ทั้งยังอยากเห็นค่าเงินบาทอ่อนลงกว่าปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าค่าเงินบาทของไทยในขณะนี้สามารถอ่อนลงได้มากกว่านี้

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่