ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,366.94 จุด ลดลง 29.44 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 62,382.11 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 6,395.39 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 164 บาท บวก 6 บาท, CPALL ปิด 55 บาท ลบ 2 บาท, SCB ปิด 106 บาท ลบ 9.50 บาท, DELTA ปิด 71.50 บาท ลบ 4.75 บาท, ADVANC ปิด 199.50 บาท ลบ 2.50 บาท
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะกลยุทธ์ลงทุนให้ “Selective Buy” ในหุ้น 4 ธีมหลัก ดังนี้ 1.หุ้นที่สามารถลดความผันผวนและเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นกับการตอบโต้ของอิสราเอลว่าจะออกมาในรูปแบบใด และจะนำไปสู่สงครามระหว่างอิหร่านอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่
โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP ส่วน TOP สำหรับการ Trading
หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้ำมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในระยะสั้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และ
ในกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz
อาจกระทบการส่งออกได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)
2. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS-BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL-CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC)
3.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการแจกเงินดิจิทัล เลือก CPALL–CPAXT–BJC–HTC–SNNP
4.หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่จะดีขึ้นตามผลฤดูกาล เลือก AOT–ERW–MINT–CPALL!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่