ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ.67 ปิดที่ 1,388.60 จุด ลดลง 11.42 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 43,082.48 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,936.13 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิดที่ 120.50 บาท ลดลง 3 บาท, ADVANC ปิด 214.00 บาท ลดลง 4 บาท, PTT ปิด 34.75 บาท ลดลง -0.25 บาท, PTTEP ปิด 154.50 บาท บวก 1 บาท, CPALL ปิด 54.75 บาท ลบ 0.50 บาท
หุ้นไทยไม่สามารถยืนที่ระดับ 1,400 จุดได้ ตอบรับมุมมองที่คาดว่าแบงก์ชาติจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 1-3 ครั้ง ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าและตลาดหุ้นพักตัวในระยะสั้น
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ผ่านเดือน ก.พ.มาได้ 1 สัปดาห์ SET Index ฟื้นตัวได้ดี 36 จุด จาก 1,364 จุด มาพักตัวบริเวณ 1,400 จุด แต่ระยะถัดไปยังคาดหวัง SET Index ฟื้นตัวต่อไปที่บริเวณ 1,420 จุดก่อน และถัดไปที่ 1,450 จุด ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้ การ
ท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยที่คับคั่งขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในไทยกำลังเริ่มขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่เริ่มสอดคล้องกัน ทั้ง 3 ส่วน หนุนให้เศรษฐกิจไทย มีโอกาสทยอยฟื้นตัว โดยทุกๆสำนักคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 67 เติบโตได้ดีกว่าปี 66 อยู่ในกรอบ 2.5-4.4%
ขณะที่ราคาตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมี Valuation ที่ถูกมาก โดยมี PE67F 14 เท่า และ PBV 1.34 เท่า ทั้ง 2 Ratio อยู่ในระดับ -2SD ในรอบ 10 ปีทั้งสิ้น
สำหรับมุมมอง Fund Flow ต่างชาติ จากการที่ตลาดหุ้นไทย มีปัจจัยแวดล้อมเริ่มดีขึ้น, Valuation หุ้นไทยถูก และปริมาณการขายของนักลงทุนต่างชาติจากต้นทุนที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 65 เริ่มจำกัด ดังนั้น จึงคาดหวัง Fund Flow ต่างชาติมีการสลับเข้ามาซื้อ
แนะสะสมหุ้นพื้นฐานเด่น มี ESG Rating สูงและ High Growth ดังนี้ หุ้น AMATA–CBG–GULF–CPAXT–CK–CRC–BJC–CPALL–PLANB–IVL–CKP–SCGP–STEC–BGRIM!!
อินเด็กซ์ 51
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่