มุมมองทรีนีตี้!!

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

มุมมองทรีนีตี้!!

Date Time: 2 ธ.ค. 2566 04:59 น.

Summary

Latest

“ภาษีทรัมป์” 36% ถล่มหุ้นไทย ลุ้น 1 ส.ค. ข้อเสนอถูกใจสหรัฐฯ เปิด 5 ความเป็นไปได้ แบบไหนเวิร์คสุด ?

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ธ.ค.66 ปิดที่ 1,380.31 จุด ลดลง 0.13 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 37,615.16 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 266.24 ล้านบาท

“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ มองทิศทางการลงทุนเดือนธันวาคม 2566 คาดว่าจะมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะวอลลุ่มการซื้อขาย ที่ประเมินว่าน่าจะสูงขึ้นเฉลี่ยต่อวัน จากการเปิดขายกองทุน TESG เพื่อการลดหย่อนภาษีในประเทศน่าจะเป็นแรงหนุนทำให้ผู้เล่นฝั่งนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้น

คาดการณ์เป้าหมายที่ทางการตั้งเอาไว้ว่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่กองทุนนี้ราว 1 หมื่นล้านบาท มีความเป็นไปได้ อ้างอิงจากสัดส่วนเม็ดเงินของกองทุน LTF ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในอดีต

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 1,360 จุด และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,460 จุด

ส่วนกลุ่มหุ้นที่คาดว่าอาจเป็นเป้าหมายของเม็ดเงินกองทุน TESG ในช่วงถัดไป น่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ในดัชนี SETESG และมีอันดับ ESG Rating ในระดับสูงสุด อาทิ PTT, ADVANC, PTTEP, CPALL, SCC, KBANK, KTB, CRC, OR, PTTGC

โดยในกลุ่มนี้ยังสามารถแบ่งออกตามจุดประสงค์ของการลงทุนย่อยได้อีก ดังนี้ 1.หุ้นปันผลสูงที่มักจะเข้าสู่ช่วง High season ตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ PTT, ADVANC, SCC, KTB 2.หุ้นที่มี Earnings momentum เชิงบวกในช่วงถัดไป ได้แก่ CPALL, CRC

ส่วนกลุ่มหุ้นอื่นๆที่ยังคงแนะนำถือครองเป็น Core portfolio ได้แก่ กลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในเป็นสำคัญ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก อาทิ CPALL, CPAXT, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME, CRC, COM7 เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังคาดว่าเดือนนี้จะมี Sentiment เชิงบวกที่สำคัญรออยู่ ได้แก่ การอนุมัติโครงการ e-Refund วงเงิน 5 หมื่นบาทต่อราย และการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากที่ประชุม ครม. ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยในช่วงต้นปีหน้าได้!!

อินเด็กซ์ 51

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ