
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI โดยบริษัทได้กำหนด ราคาเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรก หรือ IPO ที่ 4.95 บาทต่อหุ้น ระยะเวลาการเสนอขาย ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 16.00 น. ของวันที่ 4, 6 และ 7 ธันวาคม 2566 โดยมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ MGI ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” การบริหารจัดการศิลปิน และการจัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ได้แก่ สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ แบรนด์ “Miss Grand”, “NangNgam” และ MGI และสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เป็นต้น
การเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้บริษัทมีจำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 60,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้
โดยจะเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวนไม่น้อยกว่า 45,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75.00 ของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายในครั้งนี้
จะเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท จำนวนไม่เกิน 9,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 15.00 ของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายในครั้งนี้
และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จำนวนไม่เกิน 6,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.00 ของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายในครั้งนี้
ที่มาของการกำหนดราคาเสนอขายและข้อมูลทางการเงินเพื่อประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขายนั้นการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่เสนอขายในครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (Price to Earnings Ratio : P/E Ratio) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 4.95 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 11.76 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 88.40 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 210 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.4209 บาท
อย่างไรก็ดี P/E ของหุ้นดังกล่าว คำนวณจากผลการดำเนินงานในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน รวมถึงแผนการนำเงินระดมทุนที่ได้จากประชาชนเป็นครั้งแรกไปใช้ในการลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคารสำนักงาน การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและผลิตรายการ การพัฒนาระบบสารสนเทศของบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาในการตัดสินใจลงทุน
บริษัทได้เปรียบเทียบอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ของบริษัทจดทะเบียนอื่นที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกันกับบริษัทเพื่อประกอบการพิจารณาราคาเสนอขาย ทั้งนี้ บริษัทไม่มีบริษัทจดทะเบียนอื่นที่ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับบริษัทโดยตรง
เนื่องจากบริษัทมีลักษณะการประกอบธุรกิจที่หลากหลายแตกต่างไปจากบริษัทอื่นๆ ดังนั้นบริษัทจึงพิจารณาข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของบริษัทอย่างไรก็ดีบริษัทดังกล่าวอาจมีลักษณะการดำเนินธุรกิจประเภทสินค้าและบริการและมีการดำเนินธุรกิจในตลาดที่แตกต่างจากบริษัทโดยบริษัทที่มีความเหมาะสมในการร่วมเปรียบเทียบมีจำนวน 4 บริษัท
การเปรียบเทียบเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) อ้างอิงข้อมูลในช่วงระยะเวลา 12 เดือน ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566
บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO อัตราส่วน P/E เฉลี่ย 36.25 เท่า
บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS อัตราส่วน P/E เฉลี่ย 35.90 เท่า
บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART อัตราส่วน P/E เฉลี่ย 24.42 เท่า
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ตราส่วน P/E เฉลี่ย 8.38 เท่า
สำหรับการระดมทุนครั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ประมาณ284 ล้านบาท ภายหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์ ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. การลงทุนปรับปรุง ตกแต่งอาคารสำนักงาน ประมาณ 40 ล้านบาท
2. การลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง ประมาณ 50 ล้านบาท
3. การลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) ประมาณ 20 ล้านบาท
4. เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ 174 ล้านบาท