เปิดวิชัน หุ้น ETL หุ้น IPO น้องใหม่ กับเป้าหมายขนส่งสินค้าไทย ไปยุโรปได้ภายใน 2 ปี

ธุรกิจการขนส่งในภูมิภาคเอเชีย เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เมื่อจีนผลักดันเส้นทางการขนส่งใหม่ ผ่านยุทธศาสตร์ One Belt One Road (OBOR) ด้วยการเชื่อมโยงทางรถไฟในหลายภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน จึงเป็นโอกาสให้ธุรกิจไทยใช้เส้นทางนี้เติบโต พร้อมกับสร้างความฝันต้องการขนส่งสินค้าจาก ไทย ไปยุโรปให้ได้ 

โดย บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL หนึ่งในบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีนี้ วางเป้าหมายการเติบโตสุดท้าทาย โดยต้องการเป็นบริษัทไทยรายแรก ที่สามารถขนส่งสินค้าทางบกไปในยุโรปให้ได้ภายใน 2 ปี

กฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ ETL เปิดเผยกับไทยรัฐมันนี่ ว่า ETL ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นบริษัทประกอบธุรกิจขนส่งทางบก ทั้งทางถนนและทางรถไฟ โดยเรามีความฝันว่า เราต้องการเป็นขนส่งไทยที่สามารถให้บริการการขนส่งแบบ Door to Door จากไทยไปยังยุโรปได้

 “วิชันเราชัดเจนมากตั้งแต่ก่อตั้งและมันอยู่ในชื่อของบริษัท ยูโรเอเชีย เราอยู่ในธุรกิจขนส่ง และมองเป้าหมายที่ไกล โดยเจตนาของผู้ก่อตั้ง คือ เราต้องการเป็นบริษัทไทยที่สามารถขนส่งสินค้าไปยังทวีปยุโรปได้ในอนาคต”

ในอดีตที่ผ่านมา ETL เคยขนส่งสินค้าไปยังยุโรปมาแล้ว โดยเราเคย ขนส่งสินค้า จากมาเลเซีย ไปยังโปแลนด์ โดยใช้เส้นทางรถยนต์ต่อเชื่อมไปยังทางรถไฟที่จีน ใช้เวลาประมาณ 18 วัน ซึ่งถือว่ารวดเร็วมาก เมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือที่อาจใช้เวลา 25-30 วัน แต่ต่อมาเกิดปัญหายูเครน-รัสเซีย ก็หยุดไป ซึ่งหลังจากนี้ ETL คาดว่าจะกลับไปขนส่งสินค้าไปยังยุโรปอีกครั้ง ภายใน 2 ปีข้างหน้า

กฤชวรรณ มองว่า การขนส่งทางถนน หรือทางบกมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกเยอะมากเมื่อเทียบกับการขนส่งประเภทอื่น โดยในค่าบริการและราคาขนส่ง ต่างกันมาก โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ Trans-Eurasia ที่จะถือเป็นกระดูกสันหลังสำคัญของการขนส่ง โดย ETL เห็นโอกาสในการเติบโตผ่านเส้นทางรถไฟของจีนที่จะสร้างการแข่งขันอุตสาหกรรมขนส่งระหว่างประเทศ

เพื่อให้เห็นภาพ หากเรามีสินค้าอยู่ 1 ชิ้นต้องการขนส่งจากสิงคโปร์ไปยังปักกิ่ง การขนส่งด้วยทางเรือที่ราคาถูกที่สุด สมมติว่าใช้ค่าขนส่ง 50 บาท ใช้เวลาขนส่งเฉลี่ยอยู่ที่ 10–14 วัน และอาจจะนานกว่านั้นหากเรือไม่มีคิวเทียบท่า และเราไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นมีความเสี่ยงที่การขนส่งอาจจะใช้เวลามากกว่านั้น  

ส่วนการขนส่งทางอากาศ  แม้จะมีความรวดเร็วอย่างมาก แต่ก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน อาจจะใช้ราคาขนส่งอยู่แพงกว่ารถไฟ 2-3 เท่า หรือ ประมาณ 200 บาท แต่หากเป็นการขนส่งทางรถยนต์ จะมีราคาที่ถูกกว่าเครื่องบิน แต่แพงกว่ารถไฟ หรือประมาณ 100 บาท ใช้เวลาขนส่งประมาณ 8 วัน ควบคุมเวลาการขนส่งได้ และในขณะเดียวกัน ยังสามารถติดตามสถานะและความปลอดภัยของสินค้าได้อีกด้วย

ETL จุดเด่น คือ ความเร็ว ความแม่นยำ ปลอดภัยสูง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ETL เป็นบริษัทขนส่งของไทยที่ขนส่งทางบกได้ไกล และครอบคลุมมากที่สุด โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้ ETL เติบโตได้เร็ว คือการมีเจ้าหน้าที่ในทุกประเทศที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เรามีความเชี่ยวชาญในการประสานงานส่งสินค้าข้ามแดน โดยพนักงานขนส่ง จะนำตู้สินค้าไปยังชายแดนของแต่ละประเทศ เพื่อเปลี่ยนรถที่ใช้ขนส่งของประเทศเป้าหมาย ช่วยให้การขนย้ายรวดเร็ว   

โดยการพิจารณาเปิดเส้นทางแต่ละประเทศ กฤชวรรณ เผยว่า ตัวผู้บริหารจะต้องลงพื้นที่เพื่อเช็กเส้นทางการขนส่ง ว่ามีอุปสรรคตรงจุดไหนอย่างไร เพื่อค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีการขนส่งตั้งแต่ 1,400–1,800 ตู้ต่อเดือน วิ่งไปมาทั่วภูมิภาคเอเชีย เป็นการขนส่งแบบเหมาตู้ 90% และไม่เหมาตู้ 10% ซึ่งถือว่าเป็นการใช้แบบเต็มศักยภาพที่มีอยู่

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของ ETL นั้น อยู่ในธุรกิจขนส่งข้ามชาติ   เพราะเขาจะมีฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ แต่ไม่มีเครือข่ายในการขนส่ง ดังนั้นเราจะรับช่วงต่อ โดยสินค้าที่เราขนส่งส่วนใหญ่จะเป็น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ อาหารแช่แข็ง ยาเวชภัณฑ์ 

ซึ่งบริษัทมีระบบการควบคุมความปลอดภัยที่แน่นหนา สามารถตรวจสอบได้ว่า การขนส่งอยู่ในจุดไหนอย่างไรได้เรียลไทม์ และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะมีการส่งสัญญาณไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดเพื่อเข้ามาดูแลสถานการณ์ ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และเคยขอให้บริษัทขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูงถึง  1 ล้านดอลลาร์ต่อตู้

 COVID-19 ดันกำไรโตเกือบเท่าตัว

สำหรับผลการเติบโตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น บริษัทมีเทรนด์ที่ดีมาก โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาด COVID ในปี 2563 มีรายได้ 941 ล้านบาท กำไรสุทธิ 72.70 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้ 1,866 ล้านบาท กำไรสุทธิ 117.01 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้ 1,481 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50 ล้านบาท โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรช่วงปี 2564 ก้าวกระโดด สาเหตุจากการขนส่งทางเรือที่เกิดปัญหา ทำให้มีการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งเป็นทางบกทดแทน

ซึ่งการเข้าตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ ETL มองว่า ธุรกิจต้องขยาย การขนส่งสินค้าทางบกต้องใช้เงินทุนสูง ดังนั้นการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คือ โอกาส โดยในการเข้าระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไป ชำระคืนเงินกู้ เป็นเงินทุนหมุนเวียน และลงทุนในอุปกรณ์ ตู้คอนเทนเนอร์ และรถหัวลาก ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ เพิ่มขีดความสามารถในหลายประเทศให้ดีขึ้น จัดการเที่ยวรถให้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ETL เป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนมาแล้ว และเราก็หวังว่า ETL จะสร้างความประทับใจได้เหมือนกับ WICE ในอดีต